“อนุทิน” ตั้งกรรมการสอบสวนปมอนุมัตินำเข้าชุดตรวจโควิด-19 เชื่อมั่น ขรก.สธ.ไม่ก้มหัวให้ใครมาสั่ง นักการเมืองมีแค่ตน และ รมช. แต่ไม่เคยกดดันใคร แจงตั้ง คกก.ตรวจสอบเวชภัณฑ์ที่รับบริจาค ให้ได้ของคุณภาพแก่สถานพยาบาลไปใช้ พร้อมเร่งสอบสวนโรคหลังมี จนท.สธ.ติดโควิดที่ ศบค. ขออย่าเพิ่งตื่นตระหนก
วันนี้ (30 มี.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รับมอบเงินจำนวน 1,000,000 บาท จากงามวงศ์วานการช่าง เพื่อสนับสนุนการทำงานของสถาบันบำราศนราดูร และจากกลุ่มบริษัท โซลเวย์ และดาว พร้อมพันธมิตร ที่มอบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 600 ตัน เพื่อผสมเป็นน้ำยาฆ่าเชื้อ 15 ล้านลิตร เพื่อช่วยป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19
นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้เข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือการทำงานของ สธ. ด้วยการมอบบริจาคผลิตภัณฑ์และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ มาใช้ในการควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 ตนจึงให้มีการตั้งคณะกรรมการบริหารเวชภัณฑ์ ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพเวชภัณฑ์ที่ได้รับ และกระจายสิ่งของให้แก่โรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด และมีการจัดเก็บเป็นสต๊อกไว้ เพื่อจัดส่งไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่แจ้งขอเข้ามา ด้วย แต่หากพบว่า ของที่นำมาบริจาคไม่มีคุณภาพ เป็นอันตรายต่อประชาชน ก็จะไม่นำส่งไปให้
นายอนุทิน กล่าวว่า การให้ความร่วมมือของประชาชนในการป้องกันโรค ซึ่งขณะนี้การมีระยะห่าง 1-2 เมตร ประชาชนทำได้ 70% ส่วนการอยู่บ้านทได้แค่ 40% เราต้องการความร่วมมือมากถึง 80% หากทำได้เชื่อว่าโอกาสในการติดเชื้อก็จะลดลงไป ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่ทำงานที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ติดเชื้อโควิด-19 นั้น ขอให้กรมควบคุมโรคสอบสวนโรคก่อนว่าการติดเชื้อเกิดขึ้นในที่ใด เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน และมีความตื่นตระหนก อย่างไรก็ตาม สธ.จะดูแลเต็มที่
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีข่าวมีนักการเมืองสั่งการให้อนุมัตินำเข้าชุดตรวจโควิด-19 (Rapid test) นายอนุทิน กล่าวว่า ตนได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีดังกล่าว โดยมี รองปลัด สธ.เป็นประธาน ซึ่งเชื่อมั่นว่า ข้าราชการ สธ. มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ไม่ก้มหัวให้ใคร ถ้าถามว่า มีนักการเมืองหรือใครมีอิทธิพลที่กระทรวง ก็มีแต่ตนกับรัฐมนตรีช่วย ซึ่งก็ไม่เคยกดดันใคร ทั้งแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตนเห็นทุกคนเป็นเพื่อนร่วมงาน ที่มีแต่ความรักกัน และไม่มีความกดดันใดๆ ตนขอเน้นย้ำด้วยความมั่นใจ ว่า คำสั่งใดที่มิชอบด้วยกฎหมาย ไม่ถูกต้อง และเป็นภัยแก่ชาติบ้านเมือง ไม่ต้องทำ