บุรีรัมย์ - กรมราชทัณฑ์ตั้ง กก.เร่งสอบข้อเท็จจริงเหตุก่อจลาจลเรือนจำบุรีรัมย์ เบื้องต้นพบผู้ต้องขังโทษหนักเป็นตัวการ สรุปมีนักโทษหลบหนี 11 คน จับได้ 10 ราย เหลือ 1 ตร.เร่งไล่ล่า เผยอาคารเรือนจำถูกทุบ-เผาเสียหายเกือบทั้งหมดใช้การไม่ได้ ต้องย้ายผู้ต้องขัง 2,200 รายไปฝากคุกจังหวัดใกล้เคียง พร้อมเร่งนำบัญชีรายชื่อผู้ต้องขังติดประกาศให้ญาติทราบ
ช่วงบ่ายวันนี้ (30 มี.ค.) บรรยากาศที่บริเวณหน้าเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ยังคงมีญาติผู้ต้องขังมาติดต่อสอบถามข้อมูลของบุตรหลานที่ถูกย้ายไปเรือนจำอื่นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทยอยนำรายชื่อของผู้ต้องขังที่ผ่านการตรวจสอบจากเรือนจำปลายทางแล้ว มาปิดประกาศให้ญาติได้รับทราบอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งหลายคนที่ทราบว่าบุตรหลานของตัวเองที่เป็นผู้ต้องขังปลอดภัยและถูกย้ายไปอยู่ที่เรือนจำใดบ้างก็คลายความกังวล
ขณะที่ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์ศรีนิล รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุการณ์นักโทษเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ก่อเหตุจลาจล และทุบกำแพงหลบหนีออกนอกเรือนจำ ว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ตั้งแต่ช่วงค่ำเมื่อวาน (29 มี.ค.) เบื้องต้นจากการตรวจสอบบริเวณเรือนจำมีความเสียหายจากการถูกทุบทำลายและเผาไฟทั้งหมด ไม่สามารถใช้การได้ ยกเว้นพื้นที่แดนพยาบาล เรือนจำ จึงจำเป็นต้องย้ายผู้ต้องขัง 2,200 รายไปฝากไว้ที่เรือนจำจังหวัดข้างเคียง
ส่วนผู้ต้องขังที่หลบหนีไปนั้นสรุปแล้วอยู่ที่จำนวน 11 ราย สามารถติดตามกลับมาได้แล้ว 10 ราย ส่วนใหญ่ทุบกำแพงห้องเยี่ยมญาติหลบหนีไป แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่หน้าเรือนจำ และอีกส่วนหนึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมกลับมาได้ คงเหลือนักโทษอีก 1 รายที่อยู่ระหว่างการหลบหนี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามหาตัว และอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ต้องขังที่ก่อเหตุถึงเหตุจูงใจในการก่อเหตุ
แต่จากข้อมูลเบื้องต้นเกิดจากผู้ต้องขังหยิบยกเรื่องที่มีผู้ต้องขังติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ขึ้นมา แต่ข้อเท็จจริงไม่ใช่เช่นนั้น อาจเป็นผู้ต้องขังบางคนที่อยากจะออกจากเรือนจำก็จะหาประเด็นมาปลุกระดม ซึ่งตัวการสำคัญของเรื่องนี้เป็นผู้ต้องขังที่มีโทษหนัก จากการตรวจสอบเบื้องต้นเท่าที่ทราบคือ มีแกนนำอยู่คนหนึ่งและมีผู้ร่วมขบวนการอยู่กลุ่มหนึ่ง มีการระดมพลมาเกือบ 100 คนเพื่อก่อจลาจลครั้งนี้ ซึ่งการก่อจลาจลนั้นต้องมีการพูดคุยกันมาก่อนแน่นอน แต่รายละเอียดขอให้เป็นเรื่องของการสอบสวนต่อไป
ในเรื่องโควิด-19 นั้น ทางเรือนจำพยายามชี้แจงไปถึงผู้ต้องขังและญาติว่าเรามีระบบคัดกรองที่เข้มข้น ไม่มีโอกาสที่เชื้อไวรัสจะแพร่ระบาดในเรือนจำ หลังจากนี้เรือนจำอาจจะต้องทำการบ้านเพิ่ม อย่างไรก็ตาต้องมีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง
ส่วนผู้ต้องขังอีก 1 รายที่ยังไม่สามารถติดตามตัวได้ คือ นักโทษชาย ธันยพงศ์ สินพูน อายุ 26 ปี ผู้ต้องขังคดีเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ร่วมกันครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพ) มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ต่อสู้ขัดขืนเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย
สำหรับผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุจลาจล และหลบหนีออกจากเรือนจำจะมีความผิดฐานใดบ้างนั้นต้องรอการสอบสวนหาข้อเท็จจริง และพยานหลักฐาน