สธ.พบป่วยโควิด-19 อีก 7 ราย รวม “แมทธิว ดีน” ด้วย แม่ติดจากผู้ป่วยแก๊งปาร์ตี้ ติดตามคนใกล้ชิดแล้ว ชี้ คนใกล้ชิดแมทธิว 11-13 มี.ค. แยกตัวเอง สังเกตอาการตัวเอง “สบส.” แจงประกาศผู้ป่วยโรคโควิด-19 เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินต้องดูแล ย้ำ ระหว่างตรวจรอผล ห้ามปล่อยกลับบ้าน ฝ่าฝืนเจ้าของ รพ.มีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ ชี้ แค่ส่งตรวจเชื้อก็ต้องแจ้งภายใน 3 ชม.
วันนี้ (14 มี.ค.) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 ว่า วันนี้มีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 7 ราย คือ รายแรก เป็นหญิงไทยอายุ 63 ปี เป็นมารดาของผู้ป่วยกลุ่มเดียวกับที่ไปสังสรรค์มา ซึ่งเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ติดตามเฝ้าระวังอยู่แล้ว รายที่ 2-5 เป็นการติดภายในครอบครัว เริ่มจากหญิงอายุ 57 ปี เดินทางกลับมาจากประเทศญี่ปุ่น วันที่ 2 มี.ค. และมีไข้ ไอ วันที่ 4 มี.ค. โดยไปติดคนในครอบครัว คือ ลูกสาว อายุ 30 ปี เริ่มป่วย วันที่ 9 มี.ค. ลูกเขย อายุ 33 ปี ป่วยวันที่ 9 มี.ค. หลานสาว อายุ 4 ขวบ ป่วยวันที่ 9 มี.ค. รายที่ 6 เป็นหญิงนักเรียน อายุ 20 ปี กลับจากญี่ปุ่น วันที่ 14 ก.พ. เริ่มป่วยวันที่ 27 ก.พ. ด้วยอาการไข้ ไอ แต่รักษาตัวที่บ้าน แล้วอาการไม่ดีขึ้น วันที่ 11 มี.ค. จึงเข้ารับการตรวจที่ รพ.เอกชน และรายที่ 7 เป็นนักแสดงชาวไทยอายุ 41 ปี และเป็นเจ้าของค่ายมวย มีอาการป่วยวันที่ 11 มี.ค. ด้วยอาการไข้ ไอ ปวดเมื่อย มีประวัติสัมผัสเพื่อนชาวต่างชาติ ขณะนี้รับการรักษาที่ รพ.ราชวิถี กำลังติดตามผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
นพ.สุขุม กล่าวว่า จากติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในกลุ่มก้อนเหล่านี้ เพื่อเฝ้าดูอาการ มีผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคกำลังรอผลแล็บ 36 ราย และมีการติดตามผู้อยู่ใกล้ชิดอีกกว่า 100 ราย สรุปขณะนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 รักษาหายแล้ว 35 ราย อยู่ใน รพ. 46 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยสะสม 82 ราย มีอาการหนัก 1 ราย ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวัง 5,713 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว และอยู่ระหว่างติดตามอาการ 4,014 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาใน รพ. 1,699 ราย ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่าประเทศไทยตรวจน้อย เลยเจอผู้ป่วยน้อยนั้น ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะประเทศไทยตรวจมากกว่าสหรัฐอเมริกา 20 เท่า และมากกว่าอีกหลายประเทศหลายเท่า
“เรื่องนี้เป็นบทเรียนสำคัญ คือ การมีประวัติเดินทางกลับจากต่างประเทศ การใกล้ชิดคนต่างชาติ มีการไปสังสรรค์ร่วมกัน สัมผัสใกล้ชิดกับคนในครอบครัว ที่อาจไม่ได้ระวังตัว ทำให้เกิดการแพร่กระจายเป็นกลุ่ม อยากให้ประชาชนกลับมาจากพื้นที่ที่มีผู้ป่วย อย่าประมาท แยกของใช้ส่วนตัว ไม่ให้มีคนติดต่อในครอบครัว ไม่ออกไปในที่ที่มีคนหนาแน่น ถ้ามีไข้ทางเดินหายใจ ไอน้ำมูกไหล รีบพบแพทย์ทันที แจ้งประวัติเดินทาง หรือประวัติเสี่ยงสัมผัสคนต่างชาติ” นพ.สุขุม กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีคนสัมผัสใกล้ชิด แมทธิว ดีน ดาราที่ออกมาบอกว่า ป่วยโควิด-19 นพ.สุขุม กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี ทำให้รู้ตัว ตื่นตัว คนใกล้ชิดได้ระวังตัว แพทย์ บุคลากรสาธารณสุข มีการติดต่อประสาน ซึ่งเมื่อวันที่ 13 มี.ค. ก็ได้ประสานผู้จัดการของผู้ป่วยรายที่ 82 แล้ว
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ป่วยรายนี้มีอาการวันที่ 11 มี.ค. วันดังกล่าวจึงเป็นวันที่เริ่มแพร่เชื้อได้ ใครที่สัมผัสก่อนวันที่ 11 มี.ค. ก็ค่อนข้างปลอดภัย โดยผู้ป่วยเข้า รพ.วันที่ 13 มี.ค. ดังนั้น ผู้ที่สัมผัสระหว่างวันที่ 11-13 มี.ค. จึงเป็นช่วงสั้นๆ ใครที่สัมผัสให้สังเกตอาการตนเอง เพราะการฟักตัวของโรคประมาณ 5-7 วัน ส่วนที่ตรวจเชื้อแล้วเป็นผลลบ ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ติดเชื้อ ต้องติดตาม 14 วัน อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยก็อาจแยกของใช้ ไม่คลุกคลีกับผู้อื่น และเมื่อมีอาการให้มาพบแพทย์
เมื่อถามว่า กรณีของดาราที่ป่วยนั้น มีการให้ข้อมูลว่าตรวจแล้ว แพทย์ให้กลับมาที่บ้าน ถือว่าขัดแย้งกับมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่ นพ.สุขุม กล่าวว่า ต้องตรวจสอบว่า รพ.นั้นเป็นไปตามมาตรฐานสถานพยาบาลหรือไม่ เพราะมีการอบรมซักซ้อมความเข้าใจแล้ว ถ้ามีไข้ ป่วย สงสัยถึงส่งตรวจแล้วมีผลตรวจยืนยัน กลับไม่ดูแล ผู้ป่วยก็ต้องมาดำเนินการ
นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับการแจ้งหรือการรายงานโรคของสถานพยาบาลและห้องปฏิบัติการ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 กำหนดให้ รพ.ที่ให้การดูแลผู้ป่วยแค่สงสัยก็จะต้องรายงานมาที่กรมควบคุมโรคภายใน 3 ชั่วโมง โดยต้องรายงาน 2 ส่วน คือ 1. รพ.แค่สงสัยแค่คิดที่จะตรวจตัวอย่างก็ต้องแจ้งภายใน 3 ชั่วโมง และ 2. ห้องปฏิบัติการที่รับตัวอย่างมาตรวจ ก็จะต้องแจ้งกรมควบคุมโรคภายใน 3 ชั่วโมง เช่นกัน ดังนั้น ในระยะแรกเราได้พยายามกำชับ ทั้ง รพ.และห้องปฏิบัติการที่สามารถตรวจได้ และระยะต่อไป จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากที่ใดรับตรวจแล้วและรายงานมาที่กรมควบคุมโรค เป็นนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้เราสามารถติดตามผู้ป่วยและสถานการณ์ได้รวดเร็ว เป็นจริงตามสถานการณ์รายวัน
“กรณีนักแสดงหนุ่ม หากการสอบสวนพบว่าสถานพยาบาลที่ตรวจเชื้อ บอกให้คนไข้กลับบ้านไปแล้วมาฟังผลในวันต่อมา และสถานพยาบาลไม่ได้แจ้งกรมควบคุมโรค จะถือว่ามีความผิด เพราะการที่สถานพยาบาลเก็บสารคัดหลั่งส่งตรวจแล็บ ก็แสดงว่า คนไข้รายนั้นเป็นผู้ต้องสงสัยโรคโควิด-19 แล้ว จะต้องแจ้งกรมควบคุมโรคภายใน 3 ชั่วโมง ซึ่งขณะนี้อธิบดีกรมควบคุมโรคได้สั่งการให้มีการพิจารณาเพื่อดำเนินการเปรียบเทียบปรับกับสถานพยาบาลเอกชนดังกล่าว” นพ.ธนรักษ์ กล่าว
ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า มีการประกาศให้ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ผู้ป่วยฉุกเฉิน ทุก รพ.ต้องรับเข้าสู่การดูแลตามระบบ ยกเว้นเกินศักยภาพต้องประสานกรมควบคุมโรคในการรับส่งต่อ ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยงเข้าเกณฑ์ จะเข้ากลไกการจ่ายค่ารักษาให้ แต่ถ้าแค่กังวล แล้วไปขอตรวจต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ทั้งนี้ ตามกฎหมายเมื่อผู้ป่วยเข้ามาสถานพยาบาลต้องซักประวัติที่จุดคัดกรอง แล้วแยกไปที่ห้องแยกโรค จากนั้นต้องแจ้งกรมควบคุมโรคภายใน 3 ชั่วโมง เพื่อรหัสการส่งแล็บเพื่อตรวจหาเชื้อ โดยตลอดเวลาที่ทำกระบวนการเหล่านี้ผู้ป่วยต้องอยู่ที่ รพ. กลับบ้านไม่ได้ จนกว่าผลจะออกมาเป็นลบ หากปล่อยปละ ละเลย ให้คนไข้กลับบ้าน ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลจะมีโทษทั้งจำ และปรับ ส่วนกรณีของผู้ป่วยดาราท่านนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ทั้งนี้ หากออกแล็บมาว่าเป็นลบ แพทย์จะรักษาอาการป่วยที่เป็นอยู่ และเมื่อกลับบ้านแล้วจะให้คำแนะนำวิธีปฏิบัติตัว ส่วนถ้าผลออกมาเป็นบวก จะต้องตรวจยืนยันเพิ่มอีก 2 แล็บ เมื่อผลตรวจยืนยันว่าเป็นบวกตรงกัน รพ.ต้องเก็บประวัติคนไข้ และคนที่เกี่ยวข้อง แจ้งผู้เชี่ยวชาญกรมควบคุมโรคเพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ควบคุมโรคต่อไป