“สาธิต” แจง รพ.สังกัด สธ.ต้องการ “หน้ากากอนามัย” 3 แสนชิ้นต่อวัน เผยได้รับโควตาเพิ่ม 2.6 แสนชิ้นต่อวัน รวมเป็น 4.3 แสนชิ้นต่อวัน มั่นใจหากเกลี่ยหน้ากากในพื้นทีได้ดี และมีของใหม่เติมลงไป วันที่ 11 มี.ค.นี้ ไม่มีการขาดหน้ากากอนามัย บุคลากรหน้างานมีใช้ แต่หากยังขาดให้ร้องเรียนเข้ามา จะมีการตรวจสอบ มีรูรั่วการแอบไปขายหรือไม่
วันนี้ (9 มี.ค.) นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการกระจายหน้ากากอนามัยให้แก่สถานพยาบาล ว่า ยอมรับสถานการณ์หน้ากากอนามัยมีปัญหาในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งสัปดาห์ที่แล้วคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นตรงกันว่าจะต้องจัดลำดับความสำคัญใหม่ คือ ให้บุคลากรทางการแพทย์ โดยจะขาดหน้ากากอนามัยไม่ได้ ส่วนประชาชนที่ไม่ป่วยเราจะรณรงค์ว่าไม่ต้องใช้หน้ากากอนามัย หากต้องการใช้ก็ขอให้ใช้หน้ากากผ้า ซึ่งกระทรวงมหาดไทยรับนโยบายไปในการผลิตหน้ากากผ้าให้ได้ 50 ล้านชิ้น แจกแก่ประชาชนในท้องถิ่น และตนกำชับให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ให้ทำหน้ากากผ้าจำนวน 1.3 ล้านชิ้น เพื่อแจกประชาชนทั่วไปกรณีไม่ป่วย แม้หน้ากากผ้าไม่ได้ป้องกัน 100% แต่หากต้องการใช้เพื่อความมั่นใจเวลาไปสถานที่ชุมชน มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อก็รณรงค์ให้ใช้หน้ากากผ้า
นายสาธิต กล่าวว่า ตนต้องการแก้ปัญหาให้ตรงจุด จึงได้หารือกับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คือ เดิมที่ สธ.ได้โควตาหน้ากากอนามัยมา 3 แสนชิ้นต่อวัน แต่ต้องนำไปให้ รพ.เอกชน ร.ร.แพทย์ และคลินิกเอกชนด้วย ทำให้โรงพยาบาลสังกัด สธ.ได้เพียง 1.7 แสนชิ้นต่อวัน ถือว่าน้อยเกินไป จึงบอกว่ากระทรวงพาณิชย์ต้องจัดสรรให้แก่ สธ.เพิ่ม ทำให้ สธ.ได้โควตาหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นเป็น 7 แสนชิ้นต่อวัน จากกำลังการผลิต 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน และจากกรณีที่มีข่าวว่าโรงงานผลิตจำนวนไม่ถึง หรือขายหลังโรงงาน ก.พาณิชย์จึงส่งทหารและเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน ไปควบคุม เพื่อส่งให้ถึงเป้าหมายตามจำนวนที่ตกลงกัน อย่างไรก็ตม หลังจากมีการเจรจาให้สมาคม รพ.เอกชน แยกโควตาไป 1.4 แสนชิ้น โรงเรียนแพทย์ 1 แสนชิ้น และ รพ.สังกัดอื่นๆ ที่มีการรับโควตาไป ดังนั้น อภ.จึงได้รับหน้ากากอนามัยเพื่อให้ รพ.ในสังกัด สธ. 4.3 แสนชิ้นต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ได้ 1.7 แสนชิ้นต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 2.6 แสนชิ้นต่อวัน
นายสาธิต กล่าวว่า ขณะนี้ อภ.ได้รับหน้ากากอนามัยครบ 4.3 แสนชิ้นต่อวัน ก็จะลำเลียงกระจายไปถึงมือบุคลากรโรงพยาบาล ไม่ให้มีการสูญหาย โดยส่งไปยังผู้ตรวจราชการแต่ละเขตทั้ง 12 เขต เขตละ 3 หมื่นชิ้น และให้ภายในเขตมีการเกลี่ยหน้ากากอนามัยให้เพียงพอระหว่างใน รพ. และมีของใหม่ลงไปเติมทุกวัน เช่น รพ.บ้านค่าย มีสต๊อกมาก ก็อาจอาจเกลี่ยไปให้ รพ.มาบตาพุด ที่สต๊อกเหลือน้อย แต่มีการใช้เยอะ แล้วก็เอาของใหม่ลงมาช่วยเติมอีก ดังนั้น เชื่อว่า ภายในวันที่ 11 มี.ค.นี้ หน้ากากอนามัยจะมีเพียงพอสำหรับบุคลกร รพ. หน้างานมีหน้ากากอนามัยใช้ เพราะจากการประมวลพบว่า บุคลากร สธ.มีความต้องการใช้หน้ากากอนามัยประมาณ 3 แสนชิ้นต่อวัน ขณะที่เรามีของมาเติม 4.3 แสนชิ้นต่อวัน ก็มั่นใจว่าจะเพียงพอ หากกระจายได้ตามนี้ แต่ก็จะยังรับเรื่องร้องเรียนจากแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่รพ.ไหนที่ยังไม่รับ ก็จะกลับไปตรวจสอบร่วมกับผู้ตรวจฯ และ ผอ.รพ. ว่าเหตุใดเมื่อได้เพิ่มแล้ว มีการเกลี่ยแล้วถึงยังขาด หรือมีรูรั่วตรงไหน เพราะการลำเลียงอาจมีเล็ดรอดได้ และหากพบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์ของ สธ.มีส่วนกับการเอาหน้ากากอนามัยออกไปขาย ก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด ขัดต่อนโยบาย ฉวยวิกฤตประเทศไปหาประโยชน์ให้ตัวเอง อย่างไรก็ตาม ย้ำว่า ไม่มีการห้ามหรือเอาผิดบุคลากรที่ออกมาโพสต์เรื่องของการขาดหน้ากากอนามัย แต่หากเรากระจายให้มีของได้ ก็เชื่อว่าเมื่อมีของ ของไม่ขาดก็จะไม่มีการโพสต์
