xs
xsm
sm
md
lg

สธ.จัดสรร “หน้ากากอนามัย” วันละ 7 แสนชิ้น ให้ รพ.ทุกสังกัด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สธ.เผยกระจายหน้ากากอนามัยให้ รพ.ทุกสังกัด 7 แสนชิ้นต่อวัน แบ่ง รพ.สังกัด สธ. 4 แสนชิ้น ร.ร.แพทย์  6 หมื่นชิ้น รพ.เอกชน-คลินิก 1.4 แสนชิ้น รพ.กทม. 7 หมื่นชิ้น รพ.สังกัดอื่นๆ 3 หมื่นชิ้น

วันนี้ (7 มี.ค.) นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ทำให้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์เป็นที่ต้องการของทั้งบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย หรือแม้กระทั่งประชาชนทั่วไป ทำให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ด้วยเหตุนี้ กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายใน กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รวมถึงผู้ผลิตหน้ากากอนามัยในประเทศไทย ได้ประชุมร่วมกันเพื่อหาข้อตกลงในการกระจายสินค้าจากผู้ผลิตในประเทศไทย ซึ่งมีอัตราการผลิต 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน ในเบื้องต้นได้มีการกระจายสินค้าให้กับหน่วยงานในระบบสาธารณสุข 700,000 ชิ้นต่อวัน ได้แก่

1. สถานพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ โรงพยาบาล ในสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค และกรมอื่นๆ ได้รับการจัดสรร 400,000 ชิ้นต่อวัน 2. หน่วยงานนอกกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ โรงพยาบาลค่าย โรงพยาบาลตำรวจ กาชาด โรงพยาบาลรัฐวิสาหกิจ หรือโรงพยาบาลเทศบาลต่างๆ เป็นต้น ได้รับจัดสรรจำนวน 30,000 ชิ้นต่อวัน ทั้ง 2 กลุ่มนี้มีองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ช่วยในการกระจายสินค้า

3. โรงพยาบาลในสังกัดมหาวิทยาลัยและคณะทันตแพทยศาสตร์ได้รับการจัดสรร 60,000 ชิ้นต่อวัน โดยทาง UHosNet ช่วยในการจัดสรร 4. โรงพยาบาลเอกชนและคลินิกต่างๆ ได้รับการจัดสรร 140,000 ชิ้นต่อวัน โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพและสมาคมโรงพยาบาลเอกชนช่วยจัดสรร  5. โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร ได้รับการจัดสรร 70,000 ชิ้นต่อวัน โดยสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานครเป็นผู้จัดสรร

ทั้งนี้ หากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 มีการเปลี่ยนแปลงจะดำเนินการจัดสรรให้เป็นไปตามความเหมาะสมอีกครั้ง และย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุขเล็งเห็นความสำคัญของการจัดหา หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ให้มีความเหมาะสมและเพียงพอแก่บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นด่านหน้าที่จำเป็นต้องให้การดูแลรักษาผู้ป่วย นับว่า เป็นบุคลากรที่มีความสำคัญสูงสุดในสถานการณ์การระบาดขณะนี้ รวมถึงผู้ป่วยที่มาติดต่อกับโรงพยาบาลซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง นอกจากนั้นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ยังต้องใช้ในการทำหัตถการอื่นด้วย เช่น การผ่าตัด การทำฟัน เป็นต้น การร่วมมือร่วมใจกันจะทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยดี


กำลังโหลดความคิดเห็น