ภายหลังเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2563 ที่ นายธนินท์ เจียรวนนท์ แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ ประกาศผลิตหน้ากากอนามัยแจกฟรีใน 5 สัปดาห์ เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลน โดยเจ้าสัวธนินท์เตรียมงบไว้เพื่อการนี้กว่า 100 ล้านบาท ล่าสุด กลุ่มซีพีก็ได้เร่งดำเนินการแล้ว โดยสิ่งแรก คือ การควบคุมคุณภาพสถานที่ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ ก่อนการออกแบบก่อสร้างด้วยซ้ำ นั่นคือ เรื่องของ ห้องปลอดเชื้อ Clean Room เพื่อรองรับเครื่องจักร และกระบวนการผลิตโดยเครื่องจักรทั้งหมดที่จะนำเข้ามาจะเป็นแบบออโตเมติก ดังนั้น โรงงานที่ทำขึ้น ต้องมีลักษณะเป็นห้องปลอดเชื้อ ซึ่งภารกิจแรกในวันแรก คือ การออกแบบห้องคลีนรูม หรือห้องปลอดเชื้อ ซึ่งเป็นห้องที่มีการปิดมิดชิด มีการควบคุมมวลสารในอากาศให้น้อยที่สุด เพื่อให้มีความสะอาด เป็นไปตามระดับมาตรฐานความสะอาด และมีการควบคุมสภาวะแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ ความชื้น และความแตกต่างของความดันตามที่ต้องการ ทางฝ่ายวิศวกรรมคาดว่าจะใช้เวลาในการออกแบบเป็นเวลา 3 วัน การออกแบบอุปกรณ์ทุกชิ้นต้องคำนึงถึงการไหลเวียนอากาศด้วย โดยอากาศจะถูกส่งลงจากเพดาน ผ่าน filter ในแนวดิ่ง และลมจะกลับผ่านพื้นที่ทำให้โปร่ง แล้วกลับสู่เครื่องเป่าลมเย็น หลังจากออกแบบเสร็จแล้ว ในสัปดาห์หน้า ก็จะเข้าเคลียร์พื้นที่ และสั่งอุปกรณ์เพื่อนำมาก่อสร้างห้องคลีนรูมต่อไป
ก่อนอื่นมารู้จักกับห้อง Clean Room สิ่งนี้เองที่แสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่จะทำกันง่ายๆ แค่จะเริ่มก็ต้องมีการออกแบบ โดยฝ่ายวิศวกรรมเครือซีพี กล่าวว่า ไม่ใช่แค่เรื่องฝุ่นอย่างเดียว เราต้องเริ่มด้วยการออกแบบห้องคลีนรูม เพราะยังมีเรื่องไฟฟ้าสถิต ความดัน ความชื้นสัมพัทธ์ อุณหภูมิห้องอีกด้วย เมื่อสร้างเสร็จเป็นห้องแล้ว จะมีการดูดฝุ่นออก ต้องใส่ชุดคลุมหมีในการทำด้วย นอกจากนี้ สีที่ใช้ต้องเป็นสีที่มีการหลุดร่อนน้อย และวัสดุอุปกรณ์ทุกชนิดที่จะนำเข้ามาต้องมีการทำความสะอาด และที่สำคัญ มี gate ทางเข้ากรองอากาศ มีการใช้ air blow ก่อนเข้า ทำให้เข้าใจเลยว่า การจะทำโรงงานมาตรฐานสักแห่ง ต้องเริ่มจากการออกแบบที่ถูกต้อง ก่อนการเริ่มลงมือสร้าง
ทั้งนี้ ตามหลักการใช้งานในอุตสาหกรรมคลีนรูม มี 2 ประเภท คือ
1. คลีนรูม ที่ต้องระมัดระวังเรื่องฝุ่น Industrial Clean Room (ICR) คือ ห้องคลีนรูม สำหรับอุตสาหกรรมจะเป็นห้องคลีนรูมแบบความดันบวก (Positive Pressure) หมายถึงสภาวะที่ความดันภายในห้องมากกว่าความดันภายนอกห้อง หรือมากกว่าความดัน บรรยากาศ (atmospheric pressure) ทำให้มีอากาศไหลออกจากห้อง โดยความดันบวกเป็นสภาวะที่ใช้ในห้องสะอาด (clean room) หรือห้องที่ควบคุมความสะอาด เช่น ห้องบรรจุ ห้องเตรียมวัตถุดิบ บริเวณ high risk area เพื่อป้องกันมิให้อนุภาค เช่น ฝุ่นละออง แบคทีเรีย ยีสต์ รา รวมทั้งสปอร์ของแบคทีเรีย (bacterial spore) และสปอร์ของราเข้ามาได้
ในกรณีที่ต้องการรักษาความดันภายในห้อง เมื่อมีการเปิดประตู หรือ ช่องเปิดต่างๆ จะต้องติดตั้งระบบควบคุมอากาศเพิ่มเติม เพื่อให้มีการเพิ่มอากาศมาทดแทนอากาศที่ไหลออกไปจากการเปิดประตูดังกล่าว
• การทำให้ห้องมีความดันบวกโดย
• มีทางเข้าออกที่ปิดมิดชิด โดยใช้พัดลมเป็นตัวสร้างความดันอากาศให้กับห้อง
• ความดันห้องมากกว่าความบรรยากาศ
• มีพัดลมเป่า (air shower) ที่ประตูทางเข้าเพื่อดันลมออกไป
• มีระบบกรองอากาศ เช่น HEPA filter
• ใช้มาตรการป้องกัน เช่น ไม่ให้เปิดประตูพร้อมกับหลายบาน เป็นต้น
2. คลีนรูม ที่ต้องระมัดระวังเรื่องเชื้อโรค เช่น ห้องคลีนรูมในโรงพยาบาล โรงงานผลิตยา โรงงานผลิตเครื่องมือแพทย์ หรือเครื่องสำอาง เราเรียกห้องคลีนรูมแบบนี้ว่า Biological Clean Room (BCR) ส่วนห้องทดลองทางชีวภาพ ห้องปฏิบัติการทางด้านชีววิทยา เราเรียกห้องคลีนรูมแบบนี้ ว่า Biohazard Clean Room และห้องทั้ง 2 แบบนี้ จะเป็นห้องคลีนรูมแบบความดันลบ ซึ่งเป็นการทำให้ห้องที่ต้องการควบคุมมีความดันน้อยกว่าความดันบรรยากาศ ใช้กับห้องที่ต้องการควบคุมการแพร่กระจาย กลิ่น เชื้อโรค (pathogen) หรือการปนเปื้อน (contamination)
ทั้งนี้ กลุ่มซีพีได้ให้ข้อมูลว่า ได้เริ่มออกแบบแล้ว โดยใช้ทีมวิศวกรรมร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบคลีนรูม และจะออกแบบเสร็จในอีก 1-2 วัน จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการถอดแบบเพื่อสั่งอุปกรณ์ในสัปดาห์หน้า ต้องติดตามว่า ภารกิจ 5 สัปดาห์ ในการสร้างโรงงานหน้ากากอนามัยฟรีของกลุ่มซีพี จะมีความคืบหน้าอย่างไร