สธ.เผยข้อสั่งการ “บิ๊กตู่” ผีน้อยกลับจากเกาหลีใต้ให้อยู่ “พื้นที่ควบคุมโรค” ที่รัฐกำหนด 14 วัน ส่วนที่กลับมาก่อนหน้าวันที่ 4 มี.ค. ต้องกักตัวเองที่บ้านจนครบ 14 วัน พร้อมส่งเจ้าพนักงานติดตาม ฝ่าฝืนไม่ทำตามมีโทษ เตือนหากไม่กักตัวเอง คนในบ้านจะเสี่ยงสุด
จากกรณีการเตรียมความพร้อมรับมือแรงงานไทยผิดกฎหมายจากเกาหลีใต้ หรือ ผีน้อย ที่จะเดินทางกลับประเทศไทยจำนวนมาก เพื่อเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 โดยมีมาตรการให้ผีน้อยต้องกักกัน 14 วันที่เกาหลีใต้ระหว่างรอทำเอกสารเพื่อส่งตัวกลับ และเมื่อกลับมาถึงไทยแล้วต้องถูกกักกัน 14 วันในที่ที่กำหนด
วันนี้ (5 มี.ค.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 มี.ค. นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการถึงเรื่องนี้ โดยกำหนดมาตรการคัดกรองที่ท่าอากาศยาน ให้จำแนกกลุ่มคัดกรอง ดังนี้ 1. หากป่วย สงสัยว่าป่วย ให้แยกพักรักษาตามสถานพยาบาล 2. หากไม่ป่วยและมาจากพื้นที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 สูง ให้แยกพักในพื้นที่ควบคุมโรคที่รัฐบาลกำหนด และ 3. หากไม่ป่วยและเดินทางจากพื้นที่อื่น ให้แยกพักพื้นที่ในการกำกับของผู้ว่าราชการจังหวัด หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีข้อสั่งการให้ สธ.ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (มท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรุงเทพมหานคร (กทม.) และหน่วยงานเกี่ยวข้อง พิจารณาสถานที่ เพื่อเตรียมการจัดให้เป็น “พื้นที่ควบคุมโรค” รองรับ ซึ่ง สธ.ได้ทำหลักเกณฑ์ลักษณะสถานที่กักกัน (สถานที่หรือพื้นที่ควบคุมโรค) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินงานแล้ว ซึ่งหลักเกณฑ์ประกอบด้วย การจัดสถานที่ การรักษาความปลอดภัย ห้องครัว ห้องพยาบาล ระบบจัดการขยะ สถานที่อำนวยความสะดวกอื่นๆ การจัดเจ้าหน้าที่ดูแลในแต่ละวัน
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ส่วนก่อนหน้านี้มีผีน้อยที่กลับมาและให้เฝ้าสังเกตอาการอยู่ที่พัก หรือที่บ้าน 14 วัน แต่พบว่ากลุ่มคนดังกล่าวยังมีกิจกรรมทางสังคม ที่อาจมีการรวมกันของผู้คน จึงจะมีการยกระดับของผู้ที่เดินทางมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเรามีรายชื่ออยู่ในมือ เพราะฉะนั้น ขอให้ท่านปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด โดยจะมีเจ้าพนักงานควบคุมโรค หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ให้ไปเฝ้าระวัง ติดตามสังเกตอาการ ว่า มีไข้ อาการระบบทางเดินหายใจหรือไม่ จนครบไม่น้อยกว่า 14 วัน ย้ำว่าท่านอาจเป็นคนสบายดี หรือไม่ติดเชื้อ แต่เพื่อเป็นการป้องกันโอกาสที่จะเกิดขึ้นต่อการแพร่ระบาดของโรค และย้ำว่าเป็นสำนึกความรับผิดชอบของคนเหล่านั้นที่มีต่อสังคม ขณะเดียวกันเป็นความรับผิดชอบสังคมโดยรวมต่อคนๆ นั้น ที่จะไม่ไปรังเกียจ ตีตรา เลือกปฏิบัติโดยออกนอกหน้า แต่หากกลุ่มคนดังกล่าวมีความจำเป็นต้องออกนอกบ้าน จะต้องประสาน แจ้ง หรือรายงาน ต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรค หรือผู้รับมอบหมายในพื้นที่ เพื่อย้ำถึงวิธีปฏิบัติว่าต้องสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือด้วยน้ำสบู่และเจลแอลกอฮอล์
เมื่อถามว่า การให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคไปติดตามผีน้อยที่กลับมาก่อนหน้านี้ แล้วไม่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามจะมีโทษอะไรหรือไม่ นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า กลุ่มนี้จะเข้าข้อสั่งการของนายกฯ คือกลุ่มที่ให้อยู่ในการกำกับของผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะกลุ่มคนเหล่านี้กลับมาแล้วกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งในแต่ละจังหวัดจะมีเจ้าพนักงานควบคุมโรค แต่คงไม่พอในการติดตามดูแล ก็จะมีผู้ที่ได้รับมอบหมาย จะมีคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดที่มีผู้ว่าฯ เป็นประธาน ก็สามารถแต่งตั้งผู้ที่ได้รับมอบหมายมาช่วยในการติดตามได้ ซึ่งหากไม่ให้ความร่วมมือหลังจากเจ้าพนักงานได้แจ้ง ตอนนี้โรคโควิด-19 ประกาศเป็นโรคติดต่ออันตราย ก็สามารถเอาผิดได้มีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีรายงานแรงงานไทยที่เพิ่งกลับจากเกาหลีใต้ไม่ยอมกักตัวเอง 14 วัน แต่พาครอบครัวไปรับประทานหมูกระทะนอกบ้านจนร้านต้องปิด 1 วันเพื่อทำความสะอาด นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า ทุกคนเมื่อกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงก็ควรรับผิดชอบกับตัวเองครอบครัวและสังคม ถึงแม้จะไม่ป่วยก็ควรมีการกักตัวเองอยู่กับบ้าน 14 วัน และขอให้แยกตัวออกจากครอบครัวด้วยซ้ำ การออกไปข้างนอกเช่นนี้ คนเสี่ยงที่สุดคือคนในครอบครัวเขาเอง ส่วนคนที่กินในร้านไม่มีความเสี่ยง เพราะอยู่กับความร้อน ซึ่งเป็นอำนาจของทางพื้นที่จะลงไปดำเนินการต่อไป
เมื่อถามว่า จะนำคนที่กลับมาก่อนนายกฯ มีข้อสั่งการ และยังไม่พ้นช่วง 14 วัน มาอยู่ในพื้นที่ที่รัฐจัดหาให้ได้หรือไม่ นพ.โสภณ กล่าวว่า ยังทำไม่ได้ เพราะกฎหมายไม่สามารถย้อนหลังได้ แต่ถ้าไม่ทำตามคำสั่งเจ้าพนักงานก็เอาผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ได้
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก สธ. กล่าวว่า การตีตรา แบ่งแยกกีดกันสร้างความเครียด วิตกกังวล แบ่งแยกพวกเขา พวกเรา ทำให้มีอารมณ์อย่างอื่นขึ้นมา ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดการตอบโต้มาตรการมุมกลับ ถ้าตีตรา เขาจะปิดบัง และใช้ชีวิตปกติ ทำให้เสี่ยงแพร่เชื้อตามชุดพฤติกรรม ซึ่งโรคนี้แพร่ง่ายกว่าเอชไอวีด้วยซ้ำ