สธ.แจงยังไม่มีการสรุปผู้ป่วยเสียชีวิตรายแรก เพราะไข้เลือดออกหรือโควิด-19 จะนำเข้าคณะกรรมการวิชาการพิจารณา และถอดบทเรียน ส่วนแจกหน้ากากอนามัยประชาชนไม่กระทบสต๊อกที่เตรียมให้ รพ. ระบุบางพื้นที่ขาดและเกินให้ดำเนินการเกลี่ยให้พอ ระบุเคสผีน้อยเกาหลีใต้ขอกลับต้องประสานสถานทูต หากกลับมาดำเนินการตามขั้นตอน
วันนี้ (2 มี.ค.) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เรื่องหน้ากากอนามัยในสถานพยาบาลไม่เพียงพอ ได้ให้มีการสำรวจในสถานพยาบาลตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว พบว่าบางพื้นที่ขาดจริง บางพื้นที่เพียงพอ ส่วนบางพื้นที่ก็เกิน ให้มีการพิจารณาบริหารจัดการและเกลี่ยมายังสถานพยาบาลให้เพียงพอ และเรื่องนี้กรมการค้าภายในรับทราบแล้ว จะต้องจัดโควตาสำหรับสถานพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชนให้เพียงพอต่อการใช้งาน นอกจากนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้ตั้งคณะกรรมการด้านวิชาการ จำนวน 8 คนมีหน้าที่และอำนาจให้คำแนะนำแก่ รมว.สาธารณสุข ในการประกาศพื้นที่เขตติดโรค และให้คำแนะนำแก่อธิบดีกรมควบคุมโรค ในการประกาศโรคระบาด ให้คำแนะนำแก่รมว.สาธารณสุขหรืออธิบดีกรมควบคุมโรค ในการประกาศยกเลิก เมื่อสภาวการณ์ของโรคสงบลงหรือมีเหตุอันควร และปฏิบัติการอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย ส่วนเรื่องยารักษา ฟาวิพิราเวียร์ ได้มีการประสานทางการทูต ซึ่งทางอุปทูตจีนก็ได้มอบให้จำนวน 2,000 เม็ด ซึ่งจะมีทีมแพทย์พิจารณาว่าจะใช้กับผู้ป่วยรายใด ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ยานี้ 1 ราย จะต้องใช้ 50 เม็ด อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงสามารถใช้ยาตัวอื่นในการรักษาได้
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในรายผู้เสียชีวิต ผู้รับผิดชอบได้รวบรวมข้อมูลเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการด้านวิชาการ ภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ปกติเวลาบอกว่าคนไข้เป็นอะไร แพทย์ที่รักษาจะเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุด และเป็นเรื่องปกติในวงการแพทย์จะมีการนำข้อมูลไปปรึกษาหารือเป็นวงคณะ ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง ส่วนนี้ก็เช่นกัน ยืนยันว่าเราไม่ได้มีการปฏิเสธ หรือปกปิดใดๆ แต่ต้องนำเข้าคณะกรรมการวิชาการ
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก สธ.กล่าวว่า เราไม่ได้มีการบอกว่าไข้เลือดออกหรือโรคโควิด-19 เป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิต และไม่ได้ด่วนสรุปขึ้นมาเพื่อปิดข่าว แต่จะมีการนำข้อมูลทั้งหมดนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมกรวิชาการของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติในการพิจารณา เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แต่สิ่งสำคัญกว่าไม่ใช่การหาสาเหตุการเสียชีวิต แต่คือการนำข้อมูลมาเรียนรู้ทั้งในระดับบุคคล และสถานพยาบาล เพื่อเป็นบทเรียนกับการดูแลผู้ป่วยรายอื่นต่อไป สำหรับการเดินทางกลับจากประเทศเสี่ยงที่ควรกักตัว 14 วัน มี 8 ประเทศ 3 เขตปกครองพิเศษ คือ จีน (ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน) ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ อิตาลี อิหร่าน เยอรมนี และฝรั่งเศส ส่วนประเทศอื่นๆ ประชาชนควรติดตามข้อมูล หากมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ก็ควรพิจารณากักตัวเองที่บ้าน 14 วันด้วย
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สำหรับการแจกหน้ากากอนามัยให้ประชาชน ย้ำว่าหน้ากากอนามัยเราแจกไว้เพื่อสำหรับคนที่ป่วยแล้วค่อยเอามาใช้ เพราะหน้ากากชนิดนี้ใช้สำหรับผู้ป่วยและบุคลากรที่ดูแลผู้ป่วย ส่วนคนที่ไปในที่ชุมชน หน้ากากผ้าก็สามารถใช้ได้ ตอนนี้เมื่อคนต้องการหน้ากากอนามัยจำนวนมาก ทำให้ขาดตลาด อย่างไรก็ตาม การแจกหน้ากากอนามัยนี้ถือว่าเป็นคนละสต๊อกที่เตรียมไว้สำหรับสถานพยาบาลที่นำมาแจก เป็นส่วนที่ได้รับเพิ่มเติมมา จากการบริจาค ดังนั้นสต๊อกหน้ากากอนามัยสำหรับสถานพยาบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐมีเพียงพอ แต่ปลัด สธ.ก็ได้สั่งการเพิ่มเติมไปแล้วให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขทั้ง 12 เขตสำรวจในพื้นที่ของตนและให้มีการบริหารจัดการหากไม่เพียงพอก็ให้รีบแจ้ง
เมื่อถามถึงกรณีแรงงานไทยผิดกฎหมายในประเทศเกาหลีใต้ ขอให้ทางการไทยช่วยเหลือกลับประเทศ สธ.จะดำเนินการอย่างไร นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องรอกระทรวงการต่างประเทศที่จะประสานให้การดูแลประชาชนกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตาม ตามขั้นตอนจะต้องมีการคัดกรองก่อนขึ้นเครื่อง หากมีไข้ต้องรักษาให้หายก่อนจึงจะอนุญาตให้กลับเข้าไทยได้ หากไม่มีไข้เมื่อกลับเข้ามาก็ต้องตรวจไข้ซ้ำ หากไม่มีไข้ก็ให้เฝ้าระวังตัวเองเป็นระยะเวลา 14 วัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าเนื่องจากเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายแรงงานเหล่านี้จึงมีความกังวลขอให้ทางการไทยช่วยดังนั้นหากกลับมาเป็นกลุ่มก้อนจะมีมาตรการ ดูแลเช่นเดียวกับ การรับกลุ่มคนไทยกลับมาจากอู่ฮั่นหรือไม่ นพ.โสภณกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขจากประสานข้อมูลกับกระทรวงการต่างประเทศอย่างใกล้ชิด
เมื่อถามถึงกรณีคนกลับจากประเทศเสี่ยงควรกักตัวเองที่บ้าน 14 วัน แต่นักท่องเที่ยวจากประเทศเสี่ยงไม่ต้องกักตัวเอง นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า ถ้าเมื่อไรบังคับใช้กฎหมายจะไม่มีการเลือกปฏิบัติ แต่ตอนนี้คนต่างชาติเข้ามาบ้านเรามาในลักษณะท่องเที่ยวหรือมีภารกิจ ก็จะติดตามควบคุมกำกับไม่ยาก เพราะมีระยะเวลาเข้ามาและเดินทางกลับ เข้ามาด้วยวัตถุประสงค์จำเพาะ คนจีนทุกรายในช่วงต้นก็ตรวจจับกลุ่มนี้ว่าไม่สบายและยืนยันได้ แต่คนไทยที่กลับมาถึงบ้านเรา อย่างรายปู่ย่าที่กลับมา อยู่ในคนไทย ผลกระทบที่เคลื่อนไหวก็จะสูงกว่า การจัดการมีความยุ่งยากมากกว่า