สธ.ประกาศงดบุคลากรในสังกัดเดินทางไปประเทศเสี่ยง "โควิด-19" ขอสายการบิน บริษัททัวร์งดออกโปรโมชันราคาถูกเที่ยวประเทศเสี่ยง หนุนเที่ยวไทยด้วยกันเอง ฟื้นเศรษฐกิจ ย้ำหากกลับจากประเทศเสี่ยงควรกักตัวเองที่บ้าน 14 วัน ลดสุงสิง หากมีอาการต้องรีบพบแพทย์ แจง รมต.กลับจากเกาหลีใต้ก็ต้องเฝ้าระวังตนเอง 14 วัน
วันนี้ (26 ก.พ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ได้ให้ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. ออกประกาศงดบุคลากร สธ.ทั้งหมด เดินทางไปต่างประเทศกลุ่มเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการดูงาน ลาพักผ่อนไปเที่ยว ขอให้ช่วยกันทำาน ลดความเสี่ยงคนไทยรับเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากต่างประเทศ และขอความร่วมมือหน่วยงานราชการทุกหน่วยงานออกมาตรการชั่วคราว ใช้แนวทางเลื่อนการไปประชุมในประเทศเสี่ยง หรืออย่าเพิ่งอนุญาตให้มีการลาไปประชุม ไปเที่ยวประเทศเสี่ยง ซึ่งหลายหน่วยงานได้เริ่มทำไปแล้ว ก็ต้องขอขอบคุณที่เป็นแบบอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนงานราชการควรทำเป็นแบบอย่างประชาชนและองค์กรอื่นๆ ถ้าภาคเอกชน สมาคม องค์กร จะช่วยออกมาตรการ ก็จะเป็นการช่วยประเทศไทยลดโอกาสมีผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19
นายอนุทิน กล่าวว่า นอกจากนี้ ขอความร่วมมือสายการบินหยุดโปรโมชัน ไม่ใช่คนไม่เดินทาง ก็ออกโปรให้คนไปเที่ยว โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมา อย่างไปญี่ปุ่น 2-3 พันบาท ค่าตั๋วถูก แต่ค่ารักษาแพง ค่าเสียโอกาสมหาศาล ยิ่งรับเชื้อมาเต็มๆ อาจเป็นการเที่ยวครั้งสุดท้ายก็ได้ จึงขอให้ประชาชนหักห้ามใจ ประเทศไทยยังมีอีกหลายแห่งที่ไปเที่ยวได้ ที่บ่นว่าเศรษฐกิจไม่ดี รายได้ท่องเที่ยวหายไป เพราะต่างประเทศก็ไม่มาเที่ยวไทย ยังห่วงจะไปเที่ยวต่างประเทศ จริงๆ ควรเที่ยวในประเทศกันเอง ให้เงินสะพัดกันเองในไทย ช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติ กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยกันดีกว่า เพราะแม้ไปต่างประเทศเงินบาทก็อ่อนลงไปแล้ว ไปก็ไม่ได้ประหยัดมากมาย อยากให้คำนึงถึงความจำเป็น สถานการณ์ประเทศวันนี้ โดยเฉพาะไปเมืองกลุ่มเสี่ยง อย่างฮอกไกโด ก็มีติดเชื้อมากที่สุดในญี่ปุ่น การป้องกันควบคุมโรคติดต่อระดับข้ามชาติ ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ไม่ใช่ฝ่ายสาธารณสุขไล่เก็บป้องกันอย่างเดียว ประชาชนควรให้ความร่วมมือด้วย
"ขอร่วมมือสายการบิน บรัษัททัวร์ แม้จะขายทัวร์ถูก ตอนนี้ทำไปก็ขาดทุน และอาจจะมีการตัดต้นทุนต่างๆ ทำให้นักท่องเที่ยวก็ไม่ประทับใจอีก ขอให้อดใจรอ ต่อสู่โรคได้ก่อนค่อยว่ากัน ตอนนี้ควรเป็นไทยช่วยไทยเที่ยวไทยฟื้นตัวจากเศรษฐกิจ" นายอนุทินกล่าว
นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ช่วงนี้อาจมีมาตรการลดราคาของสายการบิน มีแพคเกจราคาถูก เช่น ญี่ปุ่น ขอให้อย่าไปเที่ยวตอนนี้ เพราะเพิ่มโอกาสเสี่ยงอย่างมากที่จะเป็นผู้ติดเชื้อจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ขอวิงวอนว่าถ้าจำเป็นต้องไป กลับมาแล้วให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของสธ. หรือองค์กรที่สังกัดอย่างเคร่งครัด ส่วนคนไทยในประเทศไทย ก็ปฏิบัติตัวเวลาไปในพื้นที่มีความเสี่ยงหรือไปพื้นที่ชุมนุม ประชาชนหนาแน่น ต้องป้องกันตนเอง
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. กล่าวว่า ขณะนี้ได้ออกนโยบายห้ามบุคลากร สธ.ทุกคนเดินทางประเทศกลุ่มเสี่ยงตามประกาศโดยไม่มีเหตุจำเป็น หากมีเหตุจำเป็นกลับมาต้องกักตัวเองที่บ้าน 14 วัน ตามแนวทางกำหนดไว้ ลดการสุงสุงกับคนอื่น แยกสำรับกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย ตรวจติดตามทุกวัน เพื่อไม่ให้แพร่เชื้อ โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องทำงานบริการประชาชน หากมีไข้ไอให้พบแพทย์แจ้งประวัติการเดินทางกลับจากประเทศเสี่ยง ผู้ป่วยที่รักษารวดเร็วก็จะลดความรุนแรง เหมือนกรณีครอบครัวที่กลับจากฮอกไกโด เพราะรอ 3 วันถึงมา ก็มีอาการปอดบวมแล้ว ทั้งที่วันแรกอาการแค่ไข้ไอ และขอความร่วมมือคนทั่วไป ถ้าทราบว่าใครกลับจากต่างประเทศเสี่ยงแล้วมีอาการผิดปกติ ขอให้แจ้งบุคลากรสาธารณสุขทันที ซึ่งตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 บอกว่าถ้าเจอโรคติดต่ออันตรายต้องแจ้งใน 3 ชั่วโมง เพื่อลดไม่ให้เกิดการแพร่กระจาย สำหรับประเทศเสี่ยงคือจีน (ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน) ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ อิตาลี และอิหร่าน โดยกำลังจับตาสหรัฐอเมริกาเพิ่ม และอนาคตอาจเพิ่มประเทศอีก
เมื่อถามถึงกรณีรัฐมนตรีที่เดินทางกลับมาจากเกาหลีใต้ ต้องกักตัวเอง 14 วันหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า กลับมาก่อนประกาศหรือไม่ ถามไปเพื่ออะไร เขามีอาการหรือไม่ ถ้าตอนนี้ประกาศแล้ว แล้วก็บอกว่าต้องกักตัวทุกคน 14 วัน จะเป็นรัฐมนตรี เป็นรองนายกฯ หรือนายกฯ ก็ต้องกักตัว แต่ตอนนี้ยังไม่ประกาศ ตอนนี้เราพยายามควบคุมสถานการณ์ให้ได้มากที่สุด ก้ต้องเฝ้าระวังตนเองจนครบกำหนด ถ้าใครกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง อย่างเกาหลีใต้แล้วมีไข้ อาการเข้าลักษณะ ก็รีบมาพบแพทย์ ไม่ต้องรายงานมาพบแพทย์เลย เดี๋ยวแพทย์รายงานให้เอง
ถามกรณีเห็นแก่โปรไฟไหม้ และมีประกันชีวิต ก็เลยคิดจะไปเที่ยว เพราะกลับมาก็รักษาได้ นายอนุทิน กล่าวว่า รักตัวเองดีที่สุด ไม่มีใครรักเรามากกว่าตัวเอง ตอนนี้คือขอความร่วมมือ ถ้าทำความเดือดร้อนคนอื่นเมื่อไรต้องบังคับกัน