xs
xsm
sm
md
lg

ไทยมีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 2 ราย ขยายเฝ้าระวังผู้ป่วยมีคนในครอบครัวกลับจากประเทศเสี่ยง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สธ.เผยมีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 2 ราย เป็นแม่บ้านอยู่บ้าน แต่คนในครอบครัวมีประวัติไปเที่ยวกวางโจว ส่วนอีกรายเป็นชายทำงานใกล้ชิดนักท่องเที่ยวจีน ติดตามผู้สัมผัสทั้งหมดแล้ว พร้อมเร่งสอบสวนโรคเพิ่ม ส่งผลไทยมีผู้ป่วยสะสม 37 ราย รักษาหายเพิ่ม 1 ราย รวมเป็น 22 ราย เหลือนอนรักษารพ. 15 ราย ปรับเกณฑ์เฝ้าระวังขยายู้ป่วยที่มีคนในครอบครัวเดินทางไปประเทศเสี่ยงด้วย ย้ำเลี่ยงเลื่อนเดินทางประเทศเสี่ยงแม้จะมีโปรไฟไหม้ก็ตาม หากกลับมาให้ควรแยกตัว ลดโอกาสแพร่เชื้อคนในครอบครัว เมื่อมีอาการหวัดสวมหน้ากากอนามัยไปพบแพทย์แจ้งประวัติการเดินทาง

วันนี้ (25 ก.พ.) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่อีก 2 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสมรวม 37 ราย แต่รักษาหายเพิ่มอีก 1 ราย เป็นหญิงชาวจีนอายุ 32 ปี สามารถกลับบ้านได้แล้ว ทำให้มีผู้ป่วยรักษาหายรวม 22 ราย เหลือรักษาใน รพ. 15 ราย โดยขณะนี้จำนวนผู้ป่วยยืนยันของไทยถือว่าตกลงมาอยู่ที่อันดับ 10 ของโลก โดยประเทศที่มีการติดเชื้อภายหลังอย่างอิหร่านและสหรัฐอเมริกาก็แซงหน้าไทยไปแล้ว สำหรับผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคมีทั้งหมด 1,580 ราย อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว 1,160 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ ยังรักษาใน รพ. 420 ราย

นพ.สุขุม กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 2 ราย พบว่า รายแรก เป็นหญิงไทยอายุ 31 ปี เป็นแม่บ้านที่อยู่กับบ้าน ขณะนี้รักษาตัวที่ รพ.ราชวิถี เป็นผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคจากการพบปอดอักเสบหาสาเหตุไม่ได้ แต่จากการซักประวัติพบว่า มีสมาชิกในครอบครัวเดินทางกลับจากเมืองกวางโจว ประเทศจีน โดยผลตรวจแล็บพบเป็นบวก ทั้ง 2 แล็บ คือ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ รพ.จุฬาลงกรณ์ ส่วนรายที่สอง เป็นชายไทยอายุ 29 ปี ทำงานสัมผัสใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวชาวจีน มาด้วยอาการไข้ ไอ รับการรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคได้สอบสวนและเก็บตัวอย่างจากผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยทั้ง 2 ราย เพื่อส่งตรวจต่อไป

นพ.สุขุม กล่าวว่า การพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 2 ราย เพราะเรามีการปรับนิยามการคัดกรองให้ขยายครอบคลุมมากขึ้น ทั้งปอดอักเสบไม่ทราบสาเหตุ คนทำงานใกล้ชิดนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ ยังได้ขยายการคัดกรองผู้เดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยง คือ จีน (รวมฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน) ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และเฝ้าระวังในอิตาลี อิหร่าน และสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ขอให้ประชาชนเลี่ยงหรือเลื่อนการเดินทางไปยัง 7 พื้นที่ที่มีการระบาดของโรค หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อกลับมาจากประเทศที่เสี่ยง ให้แยกตัวเองออกจากสมาชิกในครอบครัว กินแยกสำรับหรือใช้ช้อนกลางแล้วล้างมือบ่อยๆ เพราะคนในครอบครัวมีโอกาสติดได้ ซึ่งการกินอาหารร่วมกันโดยไม่ใช้ช้อนกลาง ไม่ล้างมือ ดื่มน้ำจากตู้เย็นโดยใช้แก้วร่วมกัน ทำให้ญาติพี่น้องมีโอกาสเป็นได้ หากเรามีการติดเชื้อจริง และเมื่อมีอาการไม่สบาย ให้สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ไปโรงพยาบาลแจ้งประวัติว่าเกี่ยวข้องกับต่างประเทศอย่างไร เช่น เดินทางไปประเทศที่เสี่ยง มีคนในครอบครัวเดินทางไปประเทศเสี่ยง หรือทำงานสัมผัสใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยว ซึ่งหากเข้าเกณฑ์เช่นนี้ก็จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจ

เมื่อถามว่า คนในครอบครัวของแม่บ้านที่เดินทางกลับมาจากกวางโจวมีอาการป่วยภายใน 14 วันหรือไม่ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนโรคและซักประวัติเพิ่มเติม แต่ต้องชี้แจงว่า แม้แม่บ้านรายนี้จะไม่ได้เดินทางไป แต่มีคนในครอบครัวเดินทางไป แต่คนในครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องป่วยพร้อมกัน เหมือนกรณีครอบครัวชาวจีนที่มาไทย แล้วมีคนในครอบครัวป่วย ก็ปรากฏว่า คนอื่นๆ ในครอบครัวก็ค่อยๆ ทยอยป่วยตามกันมา ดังนั้น จึงมีการนำผู้สัมผัสทั้งหมดมาเฝ้าระวังและตรวจว่ามีไข้หรือไม่ หากมีไข้ก็จะดำเนินการแยกโรค หากยังไม่มีไข้ก็ต้องติดตามจนครบ 14 วัน อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าผู้ป่ยทั้ง 2 ราย ยังติดตามได้ชัดเจนถึงสาเหตุการติดเชื้อ

เมื่อถามว่าต้องมีการปรับเกณฑ์นิยามในการเฝ้าระวังผู้ป่วยเพิ่มขึ้นหรือไม่  นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้โปรทัวร์ไฟไหม้แรงมาก ซึ่งย้ำว่า หากหลีกเลี่ยงได้ควรหลีกเลี่ยง หรือหากกลับมาแล้วควรพยายามแยกตัวเองที่บ้าน อย่างกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ก็มีนโยบายใครที่ไปต่างประเทศกลับมาให้แยกตัวเองอยู่บ้าน 14 วัน สำหรับการปรับเกณฑ์เราพยายามให้คนไข้ที่มีโอกาสเป็นเข้ามาในระบบมากขึ้นเรื่อย ซึ่งตอนนี้นอกจากเดินทางกลับมาจากประเทศเสี่ยงแล้ว คนทำงานสัมผัสใกล้ชิดนักท่องเที่ยว ผู้ป่วยปอดบวมรุนแรงไม่ทราบสาเหตุ ก็จะมีการประชุมคณะกรรมการเพื่อเพิ่มในส่วนของคนที่มีคนในครอบครัวเดินทางไปประเทศที่เสี่ยงด้วย อย่างไรก็ตาม กรณีแม่บ้านรายดังกล่าว จะมีการตรวจผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศทั้งการตรวจเชื้อและแอนติบอดี เพื่อดูว่ามีการติดเชื้อแต่ไม่มีการแสดงอาการหรือไม่






กำลังโหลดความคิดเห็น