xs
xsm
sm
md
lg

เร่งผลิตหน้ากากอนามัยเพิ่ม 10-20% ลดส่งออก จำกัดการซื้อ ให้ในประเทศพอใช้มากขึ้น

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สธ.ถกร่วมพาณิชย์ หาตัวเลขกำลังการผลิต และความต้องการ ก่อนหาแนวทางกระจายสินค้าให้เพียงพอ ลดการส่งออก ให้ในประเทศมีพอใช้มากขึ้น จำกัดไม่เกินคนละ 10 ชิ้นต่อคนต่อครั้ง ผู้ผลิตเตรียมผลิตเพิ่ม 10-20% ด้านพาณิชย์เตรียมแถลงความชัดเจน 7 ก.พ. ส่วน สธ.รณรงค์บุคลากรที่ไม่เสี่ยงสัมผัสโรคให้ใช้หน้ากากผ้า ช่วยลดปริมาณการใช้ได้ 2 แสนชิ้นต่อวัน ส่วนแอลกอฮอล์ไร้ปัญหา กำลังการผลิตเพียบ

วันนี้ (6 ก.พ.) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ประชุมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) และบริษัทผู้ผลิตหน้ากากอนามัย 12 แห่ง เพื่อหารือถึงการบริหารจัดการหน้ากากอนามัยให้เพียงพอกับความต้องการใช้ภายในประเทศไทย ในช่วงที่มีสถานการณ์การระบาดของไวรัสโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 

นพ.สุขุม กล่าวภายหลังการประชุมว่า จากการหารือร่วมกับผู้ผลิตหน้ากากอนามัย จะเพิ่มกำลังการผลิต 10-20% และมีการกระจายสินค้าไปทั่วประเทศ ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อความต้องการใช้ของประชาชนในระยะนี้ เพียงขอเพียงแค่ประชาชนอย่ากักตุนหน้ากากอนามัยไว้กับตัวจำนวนมาก เพราะหน้ากากอนามัยก็มีอายุการใช้งาน และการกักตุนไว้ก็ไม่รู้ว่ามีมาตรฐานในการเก็บรักษาอย่างไร ทั้งนี้ สธ.เองก็ได้พยายามรณรงค์ให้บุคลากรหันมาให้หน้ากากผ้าในส่วนงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงในการสัมผัสโรค เช่น คนที่ทำงานออฟฟิศ ไม่ได้อยู่ในห้องผ้าตัด ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดปริมาณการใช้หน้ากากอนามัยได้ประมาณ 2 แสนชิ้น 

นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า หลังจากออกประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม ได้กำหนดให้บริษัทผู้ผลิตหน้ากากอนามัยทำรายงานการผลิตทั้งขายภายในประเทศและส่งออกเข้ามา และขอดูปริมาณความต้องการของตลาด ซึ่งไม่ใช่ลักษณะของความต้องการแบบการกักตุน เพื่อพิจารณาในเรื่องของการจัดสรรภายในประเทศให้เพียงพอ เช่น สถานพยาบาลที่ต้องดูแลผู้ป่วย หรือประชาชนทั่วไปก็จำกัดการซื้อในช่วงนี้คือไม่เกินคนละ 10 ชิ้นต่อครั้ง โดยจะกำหนดการจัดสรรปริมาณการส่งออกให้น้อยลง ซึ่งทางบริษัทก็จะบอกกับลูกค้าได้ว่าเป็นมาตรการของรัฐ โดยข้อมูลทั้งหมดจะทราบภายในวันที่ 6 ก.พ. และออกเป็นมาตรการที่ชัดเจนในการจัดสรรทั้งภายในประเทศและส่งออกในวันที่ 7 ก.พ. นอกจากนี้ จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบในเชิงลึกด้วย  หากใครมีการกักตุนสินค้าเอาไว้จะมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ หากสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติก็จะเลิกมาตรการจำกัดการซื้อ

นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า เมื่อรกมการค้าภายในรับทราบตัวเลขทั้งหมดทั้งการผลิต และความต้องการในการใช้ ก็จะทราบว่าจะมีการกระจายสินค้าออกไปอย่างไร โดยเฉพาะในส่วนของสถานพยาบาลที่ปกติจะมีการสั่งซื้อกันเอง แต่เมื่อของขาดไม่สามารถซื้อได้ บริษัทอื่นที่ขายก็ไม่เคยติดต่อกันมาก่อน การนำข้อมูลมาประสานกันตรงนี้ก็จะทำให้จัดสรรสินค้าลงไปได้ โดย รพ.สามารถติดต่อมายัง อภ. ที่จะเป็นหน่วยงานในการจัดหาและกระจายหน้ากากอนามัยให้เพียงพอ ส่วนเรื่องของเจลแอลกอฮอล์ เชื่อว่ายังไม่ค่อยมีปัญหา เพราะจริงๆ แล้วไม่ต้องใช้เจลแอลกอฮอล์ก็ได้ หากอยู่บ้านมีน้ำมีสบู่ก็เพียงพอ 

นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า อภ.จะช่วยจัดหาและกระจายหน้ากากอนามัยให้เพียงพอ สำหรับเรื่องของแอลกอฮอล์นั้นไม่มีปัญหา เพราะองค์การสุราผลิตแอลกอฮอล์ได้วันละ 60 ตัน ซึ่งในส่วนของ อภ.ก็ผลิตแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อได้จำนวนมาก โดยขนาด 60 มิลลิลิตรสามารถผลิตได้ 7 แสนขวดต่อวัน ส่วนขนาด 450 มิลลิลิตร ผลิตได้วันละ 9 แสนขวด ส่วนแอลกอฮอล์ชนิดสเปรย์มีในสต็อกเป็นล้านขวด สำหรับเจลแอลกอฮอล์เรามีการผลิตได้ประมาณ 2 แสนขวดต่อเดือน และมีการจัดหาเพิ่มเติมอีก 3 แสนขวดต่อเดือน หรือเดือนหนึ่งมีประมาณ 5 แสนขวด












กำลังโหลดความคิดเห็น