“สถานทูตจีน” ออกแถลงการณ์ซาบซึ้งพระมหากรุณาธิคุณในหลวง ร.๑๐ ขอบคุณคนไทยลงเรือลำเดียวกันร่วมสู้ "ไวรัสโคโรนา" เผยสถานการณ์ล่าสุดดีขึ้น แม้จำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น แต่อัตราการเสียชีวิตต่ำลงแล้ว เหลือเพียง 2% ยอดผู้ติดเชื้อในจีน 31 มณฑล พุ่งขึ้น 28,018 ราย ตาย 563 ราย “อนุทิน” หม่ำมื้อเที่ยงร่วมคนขับแท็กซี่ หลังหายป่วยไวรัสโคโรนา สร้างความมั่นใจไม่แพร่เชื้อ นายกฯขู่ฟันพวกกักตุนหน้ากากอนามัย สธ.ประสานเพิ่มกำลังผลิต 10-20%
วานนี้ (6 ก.พ.) เฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำ ประเทศไทย ได้เผยแพร่ "แถลงการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่" เผยประชาชนจีนรู้สึกอบอุ่นใจยิ่ง ที่ได้รับการสนับสนุนและความช่วยเหลือจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.๑๐ พระราชินี ที่พระราชทานเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ช่วยเหลือ รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ตลอดจนคนไทยทุกหมู่เหล่า ยืนยันประชาชนชาวจีนจะไม่ลืมพี่น้องชาวไทยที่ให้ความช่วยเหลือในยามคับขันอย่างทันท่วงที ระบุเหมือนกัน "การลงเรือลำเดียวกัน" ระหว่างจีนกับไทย ที่จะร่วมมือกันฟันฝ่าวิกฤตการณ์ไปให้ได้
ยอดผู้ติดเชื้อในจีน 28,018 ตาย 563
ทางด้าน คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เปิดเผยจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ที่กระจายตัวอยู่ในภูมิภาค 31 มณฑล จนถึงวันที่ 5 ก.พ. อยู่ที่ 28,018 ราย และมีผู้เสียชีวิตรวม 563 ราย โดยผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 3,694 ราย และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 73 ราย จากวันที่ 4 ก.พ. ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิต 70 ราย อยู่ในมณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของไวรัสฯ รวมถึงเทศบาลนครเทียนจิน มณฑลเฮยหลงเจียง และมณฑลกุ้ยโจว แห่งละ 1 ราย
มีรายงานผู้ป่วยต้องสงสัยเพิ่มขึ้น 5,328 ราย ผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนักเพิ่มขึ้น 640 ราย และผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาจนหายดีและออกจากโรงพยาบาลได้เพิ่มขึ้น 261 ราย
ปัจจุบัน จำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังคงมีอาการหนักรวมอยู่ที่ 3,859 ราย ผู้ป่วยต้องสงสัยรวมอยู่ที่ 24,072 ราย และผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาจนหายดีและออกจากโรงพยาบาลได้รวมอยู่ที่ 1,153 ราย
ขณะที่จำนวนบุคคลที่มีประวัติติดต่อใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ และถูกเฝ้าติดตามความเสี่ยง รวมอยู่ที่ 282,813 ราย โดยมี 21,365 รายได้รับการปล่อยตัวจากการสังเกตการณ์ทางการแพทย์ ส่วนอีก 186,354 ราย ยังอยู่ระหว่างสังเกตอาการ
ด้านจำนวนผู้ติดเชื้อฯ ที่ได้รับการยืนยันผลในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เขตบริหารพิเศษมาเก๊า และเกาะไต้หวันของจีน รวมอยู่ที่ 21, 10 และ 11 ราย ตามลำดับ เมื่อนับถึงสิ้นวันพุธ (5 ก.พ.) โดยฮ่องกงพบผู้ติดเชื้อเสียชีวิต 1 ราย
ระดมอดีตปลัด-อธิบดีสธ.สู้ไวรัส
ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การดูแลคนไทยที่กลับมาจากอู่ฮั่น ทั้ง 138 คน นั้น ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ไม่มีใครติดเชื้อ ส่วนผู้ที่กลับมาแล้วป่วย 4 ราย ก็ตรวจไม่พบเชื้อเช่นกัน โดยทุกคนมีสุขภาพจิตดี ไม่มีการจิตตก ทั้งนี้ จะติดตามทั้งหมดจนครบ 14 วัน คือวันที่ 20 ก.พ.นี้ ก็สามารถกลับบ้านได้ ส่วนประชาชนทั่วไป ยืนยันว่าการดูแลตนเอง ยังเป็นการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ หากไม่ซื้อ ก็สามารถทำแอลกอฮอล์เจลล้างมือเองได้
นายอนุทิน กล่าวว่าขณะนี้ตนได้รับการติดต่อจาก อดีตปลัดกระทรวง และอดีตอธิบดีกรมต่างๆ ของสธ. เพื่อมาร่วมในการช่วยเหลือในเรื่องไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยได้แต่งตั้งเป็นคณะที่ปรึกษา รมว.สธ. ด้านการแพทย์และสาธาณสุข เฉพาะเรื่องโรคปอดอักเสบติดเชื้อไวรัสโคโรนา มี นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ เป็นประธาน นพ.ธวัช สุนทราจารย์, นพ.โสภณ เมฆธน, นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข, นพ.ไพจิตร วราชิต, นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์, นพ.ศุภมิตร ชุณสุทธิวัฒน์, ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา, นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล, นพ.ยง ภู่วรวรรณ, นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์, นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ และ นพ.ครรชิต ลิมปกาญจนารัตน์
เชื่อหลังคลี่คลายจีนยังมาเที่ยวไทย
นายอนุทิน กล่าวถึงส่วนมาตรการยกเลิกวีซ่าหน้าด่าน (Visa on arrival) หรือไม่ให้นักท่องเที่ยวจากจีนเข้าประเทศของประเทศต่างๆ ขณะนี้พบว่า ประเทศที่ใช้มาตรการเหล่านี้ก็ไม่ได้มีตัวเลขการติดเชื้อน้อยไปกว่าไทย แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของเรา ดังนั้นจึงจะไม่เอาเหตุอื่นมาเป็นข้ออ้างในการทำให้ระบบการควบคุมเฝ้าระวังโรคของไทยลดระดับลง เพราะหากไปห้ามการเดินทางเข้ามา ระบบควบคุมก็อาจด้อยลง เพราะไม่มีคนเดินทางเข้ามาแล้ว
"ในแง่ของเศรษฐกิจ อยากให้มองว่าประเทศจีนขอบคุณประเทศไทยอย่างไร เพราะเราดูแลรักษาผู้ป่วยประชาชนของเขาอย่างดี จนหาย และกลับบ้านได้ และการที่มีความัสมพันธ์อันดีเช่นนี้ ก็จะส่งผลให้ต่อไปเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย รัฐบาลจีนก็ต้องส่งเสริมประชาชนของเขามาเที่ยว มาใช้เงินในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งนักท่องเที่ยวจีน ก็มีจำนวนมากเป็นอันดับ 1 ที่มาประเทศไทย" นายอนุทิน กล่าว
"อนุทิน" โชว์กินข้าวร่วมแท็กซี่
วันเดียวกัน นายอนุทิน ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Anutin Charnvirakul” เป็นภาพตัวเองกำลังชูมือนายทองสุข (สงวนนามสกุล) ชายคนขับแท็กซี่วัย 51 ปี ที่ได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติ จากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ระหว่างเข้ามาขอบคุณ นายอนุทิน ที่กระทรวงสาธารณสุข พร้อมทั้งรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน ว่าไวรัสโคโรนาสามารถรักษาจนหายได้และไม่แพร่เชื้ออีก
ผู้ป่วยจีนที่เชียงใหม่ก็หายแล้ว
อีกด้าน ที่คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีการแถลงความคืบหน้าการรักษาผู้ป่วยจากไวรัสโคโรน่า ที่พบผู้ป่วยในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ 1 ราย เป็นผู้ป่วยชาวจีนอายุ 28 ปี เดินทางจากเมืองจิงโจว มณฑลหูเป่ย มาถึงเชียงใหม่ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.63 และได้มาเข้าตรวจรับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ในวันที่ 21 ม.ค.ทางทีมผู้รักษาได้ให้การรักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาขับเสมหะ และออกซิเจน ทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นตามลำดับ โดยไข้เริ่มลดลงตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค. และปัจจุบันไม่มีไข้แล้ว ซึ่งคณะแพทย์ผู้รักษากำลังรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อยืนยันว่าผู้ป่วยพ้นระยะแพร่เชื้อแล้วจึงจะจำหน่ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล
ทั้งนี้ยังคงมีผู้ต้องสงสัยอีก 2 ราย ที่ยังคงรอผลการตรวจสอบซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยขณะนี้อยู่ในการดูแลของทางเจ้าหน้าที่แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ได้ทีการเก็บตัวอย่าง และส่งไปตรวจแล้วแต่ยังคงต้องรอผลการยืนยันจากส่วนกลางอีกครั้งหนึ่งต่อไป
ขู่ลงดาบพวกกักตุนหน้ากากอนามัย
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเพจเฟซบุ๊กของตัวเอง ระบุว่า หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศให้หน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เป็นสินค้าควบคุม และผมได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ เร่งจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจร้านจำหน่ายหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ โดยหากพบว่ามีการขึ้นราคา หรือกักตุนสินค้าให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด หลังจากนี้ หากพื้นที่ใดยังคงมีการร้องเรียนในเรื่องนี้ ซึ่งทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ผมจะถือว่าเป็นความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ และผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นครับ
เร่งผลิตหน้ากากอนามัยเพิ่ม 10-20%
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) และบริษัทผู้ผลิตหน้ากากอนามัย 12 แห่ง เพื่อหารือถึงการบริหารจัดการหน้ากากอนามัยให้เพียงพอกับความต้องการใช้ภายในประเทศไทย ในช่วงนี้ ทั้งนี้ จากการหารือร่วมกับผู้ผลิตหน้ากากอนามัย จะเพิ่มกำลังการผลิต 10-20% และ มีการกระจายสินค้าไปทั่วประเทศ ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อความต้องการใช้ของประชาชนในระยะนี้
นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า หลังจากออกประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม ได้กำหนดให้บริษัทผู้ผลิตหน้ากากอนามัยทำรายงานการผลิต ทั้งขายภายในประเทศ และส่งออกเข้ามา และขอดูปริมาณความต้องการของตลาด ซึ่งไม่ใช่ลักษณะของความต้องการแบบการกักตุน เพื่อพิจารณาในเรื่องของการจัดสรรภายในประเทศให้เพียงพอ เช่น สถานพยาบาลที่ต้องดูแลผู้ป่วย หรือประชาชนทั่วไปก็จำกัดการซื้อในช่วงนี้ คือไม่เกินคนละ 10 ชิ้น ต่อครั้ง โดยจะกำหนดการจัดสรรปริมาณการส่งออกให้น้อยลง ซึ่งทางบริษัทก็จะบอกกับลูกค้าได้ว่าเป็นมาตรการของรัฐ นอกจากนี้ จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบในเชิงลึกด้วย หากใครมีการกักตุนสินค้าเอาไว้ จะมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ หากสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ก็จะเลิกมาตรการจำกัดการซื้อ
วานนี้ (6 ก.พ.) เฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำ ประเทศไทย ได้เผยแพร่ "แถลงการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่" เผยประชาชนจีนรู้สึกอบอุ่นใจยิ่ง ที่ได้รับการสนับสนุนและความช่วยเหลือจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.๑๐ พระราชินี ที่พระราชทานเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ช่วยเหลือ รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ตลอดจนคนไทยทุกหมู่เหล่า ยืนยันประชาชนชาวจีนจะไม่ลืมพี่น้องชาวไทยที่ให้ความช่วยเหลือในยามคับขันอย่างทันท่วงที ระบุเหมือนกัน "การลงเรือลำเดียวกัน" ระหว่างจีนกับไทย ที่จะร่วมมือกันฟันฝ่าวิกฤตการณ์ไปให้ได้
ยอดผู้ติดเชื้อในจีน 28,018 ตาย 563
ทางด้าน คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เปิดเผยจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ที่กระจายตัวอยู่ในภูมิภาค 31 มณฑล จนถึงวันที่ 5 ก.พ. อยู่ที่ 28,018 ราย และมีผู้เสียชีวิตรวม 563 ราย โดยผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 3,694 ราย และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 73 ราย จากวันที่ 4 ก.พ. ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิต 70 ราย อยู่ในมณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของไวรัสฯ รวมถึงเทศบาลนครเทียนจิน มณฑลเฮยหลงเจียง และมณฑลกุ้ยโจว แห่งละ 1 ราย
มีรายงานผู้ป่วยต้องสงสัยเพิ่มขึ้น 5,328 ราย ผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนักเพิ่มขึ้น 640 ราย และผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาจนหายดีและออกจากโรงพยาบาลได้เพิ่มขึ้น 261 ราย
ปัจจุบัน จำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังคงมีอาการหนักรวมอยู่ที่ 3,859 ราย ผู้ป่วยต้องสงสัยรวมอยู่ที่ 24,072 ราย และผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาจนหายดีและออกจากโรงพยาบาลได้รวมอยู่ที่ 1,153 ราย
ขณะที่จำนวนบุคคลที่มีประวัติติดต่อใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ และถูกเฝ้าติดตามความเสี่ยง รวมอยู่ที่ 282,813 ราย โดยมี 21,365 รายได้รับการปล่อยตัวจากการสังเกตการณ์ทางการแพทย์ ส่วนอีก 186,354 ราย ยังอยู่ระหว่างสังเกตอาการ
ด้านจำนวนผู้ติดเชื้อฯ ที่ได้รับการยืนยันผลในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เขตบริหารพิเศษมาเก๊า และเกาะไต้หวันของจีน รวมอยู่ที่ 21, 10 และ 11 ราย ตามลำดับ เมื่อนับถึงสิ้นวันพุธ (5 ก.พ.) โดยฮ่องกงพบผู้ติดเชื้อเสียชีวิต 1 ราย
ระดมอดีตปลัด-อธิบดีสธ.สู้ไวรัส
ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การดูแลคนไทยที่กลับมาจากอู่ฮั่น ทั้ง 138 คน นั้น ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ไม่มีใครติดเชื้อ ส่วนผู้ที่กลับมาแล้วป่วย 4 ราย ก็ตรวจไม่พบเชื้อเช่นกัน โดยทุกคนมีสุขภาพจิตดี ไม่มีการจิตตก ทั้งนี้ จะติดตามทั้งหมดจนครบ 14 วัน คือวันที่ 20 ก.พ.นี้ ก็สามารถกลับบ้านได้ ส่วนประชาชนทั่วไป ยืนยันว่าการดูแลตนเอง ยังเป็นการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ หากไม่ซื้อ ก็สามารถทำแอลกอฮอล์เจลล้างมือเองได้
นายอนุทิน กล่าวว่าขณะนี้ตนได้รับการติดต่อจาก อดีตปลัดกระทรวง และอดีตอธิบดีกรมต่างๆ ของสธ. เพื่อมาร่วมในการช่วยเหลือในเรื่องไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยได้แต่งตั้งเป็นคณะที่ปรึกษา รมว.สธ. ด้านการแพทย์และสาธาณสุข เฉพาะเรื่องโรคปอดอักเสบติดเชื้อไวรัสโคโรนา มี นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ เป็นประธาน นพ.ธวัช สุนทราจารย์, นพ.โสภณ เมฆธน, นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข, นพ.ไพจิตร วราชิต, นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์, นพ.ศุภมิตร ชุณสุทธิวัฒน์, ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา, นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล, นพ.ยง ภู่วรวรรณ, นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์, นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ และ นพ.ครรชิต ลิมปกาญจนารัตน์
เชื่อหลังคลี่คลายจีนยังมาเที่ยวไทย
นายอนุทิน กล่าวถึงส่วนมาตรการยกเลิกวีซ่าหน้าด่าน (Visa on arrival) หรือไม่ให้นักท่องเที่ยวจากจีนเข้าประเทศของประเทศต่างๆ ขณะนี้พบว่า ประเทศที่ใช้มาตรการเหล่านี้ก็ไม่ได้มีตัวเลขการติดเชื้อน้อยไปกว่าไทย แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของเรา ดังนั้นจึงจะไม่เอาเหตุอื่นมาเป็นข้ออ้างในการทำให้ระบบการควบคุมเฝ้าระวังโรคของไทยลดระดับลง เพราะหากไปห้ามการเดินทางเข้ามา ระบบควบคุมก็อาจด้อยลง เพราะไม่มีคนเดินทางเข้ามาแล้ว
"ในแง่ของเศรษฐกิจ อยากให้มองว่าประเทศจีนขอบคุณประเทศไทยอย่างไร เพราะเราดูแลรักษาผู้ป่วยประชาชนของเขาอย่างดี จนหาย และกลับบ้านได้ และการที่มีความัสมพันธ์อันดีเช่นนี้ ก็จะส่งผลให้ต่อไปเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย รัฐบาลจีนก็ต้องส่งเสริมประชาชนของเขามาเที่ยว มาใช้เงินในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งนักท่องเที่ยวจีน ก็มีจำนวนมากเป็นอันดับ 1 ที่มาประเทศไทย" นายอนุทิน กล่าว
"อนุทิน" โชว์กินข้าวร่วมแท็กซี่
วันเดียวกัน นายอนุทิน ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Anutin Charnvirakul” เป็นภาพตัวเองกำลังชูมือนายทองสุข (สงวนนามสกุล) ชายคนขับแท็กซี่วัย 51 ปี ที่ได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติ จากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ระหว่างเข้ามาขอบคุณ นายอนุทิน ที่กระทรวงสาธารณสุข พร้อมทั้งรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน ว่าไวรัสโคโรนาสามารถรักษาจนหายได้และไม่แพร่เชื้ออีก
ผู้ป่วยจีนที่เชียงใหม่ก็หายแล้ว
อีกด้าน ที่คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีการแถลงความคืบหน้าการรักษาผู้ป่วยจากไวรัสโคโรน่า ที่พบผู้ป่วยในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ 1 ราย เป็นผู้ป่วยชาวจีนอายุ 28 ปี เดินทางจากเมืองจิงโจว มณฑลหูเป่ย มาถึงเชียงใหม่ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.63 และได้มาเข้าตรวจรับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ในวันที่ 21 ม.ค.ทางทีมผู้รักษาได้ให้การรักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาขับเสมหะ และออกซิเจน ทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นตามลำดับ โดยไข้เริ่มลดลงตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค. และปัจจุบันไม่มีไข้แล้ว ซึ่งคณะแพทย์ผู้รักษากำลังรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อยืนยันว่าผู้ป่วยพ้นระยะแพร่เชื้อแล้วจึงจะจำหน่ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล
ทั้งนี้ยังคงมีผู้ต้องสงสัยอีก 2 ราย ที่ยังคงรอผลการตรวจสอบซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยขณะนี้อยู่ในการดูแลของทางเจ้าหน้าที่แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ได้ทีการเก็บตัวอย่าง และส่งไปตรวจแล้วแต่ยังคงต้องรอผลการยืนยันจากส่วนกลางอีกครั้งหนึ่งต่อไป
ขู่ลงดาบพวกกักตุนหน้ากากอนามัย
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเพจเฟซบุ๊กของตัวเอง ระบุว่า หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศให้หน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เป็นสินค้าควบคุม และผมได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ เร่งจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจร้านจำหน่ายหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ โดยหากพบว่ามีการขึ้นราคา หรือกักตุนสินค้าให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด หลังจากนี้ หากพื้นที่ใดยังคงมีการร้องเรียนในเรื่องนี้ ซึ่งทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ผมจะถือว่าเป็นความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ และผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นครับ
เร่งผลิตหน้ากากอนามัยเพิ่ม 10-20%
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) และบริษัทผู้ผลิตหน้ากากอนามัย 12 แห่ง เพื่อหารือถึงการบริหารจัดการหน้ากากอนามัยให้เพียงพอกับความต้องการใช้ภายในประเทศไทย ในช่วงนี้ ทั้งนี้ จากการหารือร่วมกับผู้ผลิตหน้ากากอนามัย จะเพิ่มกำลังการผลิต 10-20% และ มีการกระจายสินค้าไปทั่วประเทศ ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อความต้องการใช้ของประชาชนในระยะนี้
นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า หลังจากออกประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม ได้กำหนดให้บริษัทผู้ผลิตหน้ากากอนามัยทำรายงานการผลิต ทั้งขายภายในประเทศ และส่งออกเข้ามา และขอดูปริมาณความต้องการของตลาด ซึ่งไม่ใช่ลักษณะของความต้องการแบบการกักตุน เพื่อพิจารณาในเรื่องของการจัดสรรภายในประเทศให้เพียงพอ เช่น สถานพยาบาลที่ต้องดูแลผู้ป่วย หรือประชาชนทั่วไปก็จำกัดการซื้อในช่วงนี้ คือไม่เกินคนละ 10 ชิ้น ต่อครั้ง โดยจะกำหนดการจัดสรรปริมาณการส่งออกให้น้อยลง ซึ่งทางบริษัทก็จะบอกกับลูกค้าได้ว่าเป็นมาตรการของรัฐ นอกจากนี้ จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบในเชิงลึกด้วย หากใครมีการกักตุนสินค้าเอาไว้ จะมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ หากสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ก็จะเลิกมาตรการจำกัดการซื้อ