คลินิกกัญชา สธ.ลงทะเบียนล้นแล้ว 3,728 ราย เกินเป้าที่กำหนด กรมแพทย์แผนไทยฯ ยังเปิดให้บริการต่อเนื่อง แต่หลัง 17 ม.ค.จะลดจำนวนเหลือ 150 รายต่อวัน “อ.เดชา” ยันน้ำมันกัญชาได้มาตรฐาน ผ่านการตรวจสารปนเปื้อน
วันนี้ (7 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้าน กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) หลังจากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ สธ. ได้เปิดคลินิกกัญชาอย่างเป็นทางการ วันที่ 6 ม.ค.2563 ขณะนี้มีประชาชนลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน Ganja inTTM เป็นจำนวน 3,728 รายแล้ว ถือว่าเกินจำนวนที่กำหนดไว้ว่า ระหว่างวันที่ 6-17 ม.ค. 2563 ที่จะเปิดรับคนลงทะเบียนเพียงวันละ 300 คน
นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมแพทย์แผนไทยฯ ยังเปิดให้บริการต่อเนื่องไป แต่จะลดจำนวนต่อวันลงเหลือวันละ 100-150 ราย หลังจากหมดช่วงมหกรรมกัญชาทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่เป็นการบูรณาการมาจากหน่วยต่างๆ จะกลับหน่วยงาน ทั้งนี้แนะนำให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษา 21 โรงพยาบาล ทั่วประเทศ ที่เปิดรองรับ แต่ถ้ายังมีผู้ป่วยเข้ามาที่คลินิกกัญชา กรมแพทย์แผนไทยฯ ก็พร้อมรับการรักษา
ด้าน นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ หนึ่งในทีมหมอพื้นบ้านที่มาให้การรักษา กล่าวว่า สารสกัดกัญชาขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) จะสกัดแยกเป็น CBD, THC ส่วนสูตรน้ำมันเดชาจะเอาน้ำมันทั้งหมดโดยไม่มีการแยกมาผลิตเป็นยา โดย สธ.ได้นำสูตรของตนไปแจกโรงพยาบาลแล้ว 22 แห่ง ร่วมหมื่นคน ยังไม่พบผู้ใดได้รับอันตราย ทั้งนี้ น้ำมันกัญชามีการใช้มานานแล้ว เพียงแต่ยังไม่ถูกกฎหมายเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ถูกกฎหมายแล้วจึงค่อนข้างมีความมั่นใจ แต่แพทย์ และคนไข้บางท่านยังไม่ทราบจึงไม่มั่นใจในการใช้ ดังนั้น สธ.จึงได้นำมาแจกที่กรมแพทย์แผนไทยฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับแพทย์ และคนไข้ต่อไป สำหรับโรงงานในการผลิตน้ำมันกัญชาได้มาตรฐาน ผ่านการตรวจสารปนเปื้อนที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
นพ.ประเสริฐ มงคลศิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านฉาง กล่าวว่า เกณฑ์การรับยาที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม ต้องมีการบันทึกเข้าระบบแจ้งมาที่แพทย์แผนไทย ซึ่ง 100 คน มีกฎเกณฑ์ที่สามารถใช้น้ำมันกัญชาได้เพียง 20 คน ส่วนอีก 80 คน ยังไม่เข้าเกณฑ์ ยังไม่สามารถใช้กัญชาทางการแพทย์ได้ แต่ตอนนี้สามารถรับได้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้ ในการรักษาไม่ได้ให้ผู้ป่วยหยุดการรักษาจากแพทย์แผนปัจจุบัน เพียงแต่ให้ใช้น้ำมันกัญชาในการเสริมในการรักษา ขององค์การเภสัชกรรม ยังไม่เคยใช้ แต่เท่าที่ศึกษาดู 1.มีความเข้มข้นมากกว่า 2.สารประกอบตัวอื่นที่มีอยู่ในน้ำมันกัญชาไม่มีในสูตรขององค์การเภสัชกรรม เพราะไปสกัดโดยการ อ้างอิงยาแผนปัจจุบัน
นายชลิต ชินตะวัน ผู้ป่วยมะเร็งตับ กล่าาว่า ก่อนหน้าตนเคยรักษาด้วยสมุนไพรต่างๆ หลายชนิด ทั้ง เฉาเหว่ย อังกาบหนู เกลือดำ แต่เมื่อได้ทราบจากข่าวว่าคลินิกกัญชาเปิดให้บริการในวันที่ 6 มกราคม นี้ หลายคนบอกว่าเมื่อใช้กัญชาเข้ารับการรักษาเกี่ยวกับมะเร็งตับแล้วอาการดีขึ้น จึงได้เดินทางมา ก่อนหน้านี้แพทย์แผนปัจจุบันให้รักษาด้วยการทำคีโม และฉายรังสี ซึ่งจะอยู่ได้ 6 เดือน จึงเลือกทำการรักษาแบบธรรมชาติด้วยกัญชา รักษาดีกว่า