เผย คลินิกกัญชา 6 ม.ค.นี้ ครั้งแรกของไทย นำ “แพทย์แผนไทย-หมอพื้นบ้าน-แพทย์แผนปัจจุบัน” บริการชาวบ้านแบบผสมผสาน สร้างโอกาสการเข้าถึงกัญชาพร้อมโชว์ “เข้าตำรับกัญชาสด” รักษาเฉพาะราย เป็นครั้งแรก ด้าน ผอ.สถาบันกัญชาทางการแพทย์ มุ่งหวังประชาชนมีโอกาสในการเข้ากัญชาทางการแพทย์มากขึ้น
วันนี้ (4 ม.ค.) นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงการที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข จะเป็นประธานเปิด คลินิกกัญชา ในวันที่ 6 มกราคม 2563 ที่โรงพยาบาลแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสานกระทรวงสาธารณสุข ว่า ต้องการให้ประชาชนเข้าถึงการใช้กัญชาทางการแพทย์ เพราะเนื่องจากมีการใช้ในลักษณะที่ไม่ถูกกฎหมาย หรืออยู่ใต้ดิน จำนวนมาก ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ประชาชนเข้าถึงการใช้ของกระทรวงสาธารณสุขในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาค่อนข้างยาก ทางกรมแพทย์แผนไทยฯ จึงต้องการจัดตั้งคลินิกกัญชาทางการแพทย์ มีทั้งการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนปัจจุบัน และการแพทย์พื้นบ้านไทย ในสถานที่เดียวกัน โดยจะจัดบริการตั้งแต่วันที่6-17 มกราคม 2563
“เป็นการให้บริการครบวงจร เป็นครั้งแรกที่ตั้งอยู่ในกระทรวงสาธารณสุข มีทั้งบริการด้านการแพทย์แผนไทยโดยแพทย์แผนไทย และบริการด้านการแพทย์แผนปัจจุบันโดยแพทย์แผนปัจจุบัน และกัญชาทางการแพทย์แผนไทย โดยแพทย์แผนไทย และกัญชาทางการแพทย์แผนพื้นบ้านโดยหมอพื้นบ้าน ผสมผสานกันในการให้บริการ โดยภายในงานจะมีการนำกัญชาต้นสด ๆ มาปรุงให้เป็นยาสด ๆ ให้ประชาชนดูอีกด้วยว่ามีวิธีการปรุงยา เข้าตำรับยา อย่างไร”รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย ฯ กล่าว
นพ.ปราโมทย์ กล่าวว่า การบริหารแบบผสมผสานทั้งการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนปัจจุบัน เชื่อว่าประชาชนที่จะมาใช้บริการส่วนใหญ่จะได้รับบริการกัญชา เป็นส่วนใหญ่ที่เข้ามารับบริการที่ ร.พ.แพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน โดยยาที่ให้บริการคือ ตำรับแพทย์แผนไทย 16 ตำรับที่ได้รับอนุญาติแล้วสั่งจ่ายโดยแพทย์แผนไทย ตำรับสุขไสยาสน์ ตำรับทำลายเขาพระสุเมรุ ให้บริการ นอกจากนี้จะมีน้ำมันกัญชา ตำรับหมอเดชา ที่มีการให้บริการโดยหมอพื้นบ้าน และมีตำรับปรุงเฉพาะรายโดยนำกัญชาต้นสด มาปรุงสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายอีกด้วย
ทางด้าน นพ.ธเนศ ดุสิตสุนทรกุล ผอ.สถาบันกัญชาทางการแพทย์ กล่าวว่า สถานการณ์กัญชาทางการแพทย์ ถือว่ามีความก้าวหน้า และโตขึ้นตามลำดับ ประชาชนมีโอกาสในการเข้ากัญชาทางการแพทย์ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากขึ้น แต่ก็ยังพบกับอุปสรรคอยู่บ้าง ในส่วนที่เกี่ยวกับยาจะมี 2 ส่วนด้วยกัน 1.ยาในส่วนแผนปัจจุบัน ที่ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม และโรงพยาบาลของภาครัฐ โดย รพ.อภัยภูเบศร จะมีในเรื่องการสั่งจ่ายได้จะต้องมีข้อบ่งชี้ในการใช้ 2.ยาแผนไทยและน้ำมันต่างๆ บางส่วนเองยังอยู่ในการขั้นตอนของงานวิจัย และงานวิจัยจะใช้ได้อยู่อย่างจำกัด และตอนนี้งานวิจัยใกล้ถึงขั้นสำเร็จลุล่วง และเมื่อสำเร็จลุล่วงก็จะสามารถนำมาใช้ได้อย่างกว้างขวางขึ้น และโรงพยาบาลต่างสามารถมียาได้เพิ่มมากขึ้น
นพ.ธเนศฯ ยังกล่าวถึงบทบาทสำคัญของสถาบันกัญชาทางแพทย์อีกว่า การเปิดคลีนิกกัญชาทางแพทย์ ได้เป็นประโยชน์กับประชาชนและผู้ป่วยที่จะได้รับยาในอีกรูปแบบหนึ่งที่เป็นสิทธิ์ของประชาชน และในส่วนสถาบันกัญชาทางการแพทย์ ต้องคอยดูแลในเรื่องประเด็นต่างๆ ว่ามีข้อดี-ข้อเสีย ทำอย่างไรยาถึงจะได้มาตรฐานที่ดี และจะสั่งจ่ายได้อย่างปลอดภัย สำหรับทางด้านผู้ใช้ ได้มีการฝึกอบรมการใช้มาโดยตลอด และสถาบันกัญชาทางการแพทย์ ต้องคอยดูแลในเรื่องประเด็นต่างๆ ว่ามีข้อดี-ข้อเสีย ทำอย่างไรยาถึงจะได้มาตรฐานที่ดี และจะสั่งจ่ายได้อย่างปลอดภัย
นอกจากนี้ ในการเรื่องของการแก้ไขปัญหาการเข้าถึงกัญชาทางแพทย์ให้กับประชาชน ในส่วนของยาแพทย์แผนไทย หากหลุดจากงานวิจัยต่างๆ ก็จะสามารถใช้ได้อย่างกว้างขวาง ส่วนการแพทย์แผนปัจจุบัน ที่มีการติดล็อคเรื่องการนำจ่าย แนวโน้มจะดีมากขึ้น เนื่องจากได้ผ่านกระบวนการต่างๆ ที่ได้สั่งจ่ายมาแล้ว ทำให้มีข้อมูลเรื่องข้อบ่งใช้เพิ่มมากขึ้น
การยอมรับของบุคลากรในกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกัญชาทางการแพทย์เริ่มมีการยอมรับ หลังจากที่เป็นเรื่องแปลกใหม่ เพราะกัญชาได้ถูกล็อคมาเป็นเวลานานตั้งแต่ปี 2522 และทางสถาบันกัญชาทางการแพทย์ได้พยายามพัฒนาหลักสูตรการอบรม ที่ช่วยให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่เท่าทันต่อสถานการณ์ และขยายผลได้มากขึ้น รวมถึงอนาคตของสถาบันกัญชาทางการแพทย์ จะมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับมีผลิตภัณฑ์และผลงานต่างๆ ทั้งเรื่องโครงการ การติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ให้จุดศูนย์รวมการให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์ได้
