xs
xsm
sm
md
lg

สจล.เปิดตัว AI ประเมินเจ็บป่วยฉุกเฉิน 25 กลุ่มโรค ใน 1-3 นาที ส่งถึง รพ.เร็วขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สจล.เปิดตัวนวัตกรรม AI ประเมินอาการเจ็บป่วยฉุกเฉิน แทนเจ้าหน้าที่รับสาย สามารถคัดกรองได้มากกว่า 25 กลุ่มโรค พร้อมแปลงสัญญาณเสียงเป็นตัวอักษร ช่วยเจ้าหน้าที่เลือกใช้รถฉุกเฉินได้เหมาะสม ลดเวลารอคอบ พร้อมส่งข้อมูลให้รพ.ปลายทาง เผยพัฒนาสัญญาณเสียงพูดภาษาถิ่นรองรับด้วย  นำร่องแล้วที่สระแก้ว


วันนี้ (18 ธ.ค.) ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) แถลงข่าวเปิดตัวนวัตกรรมระบบ AI ประเมินอาการเจ็บป่วยครั้งแรกของระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ว่า โครงการวิจัย “นวัตกรรมระบบ AI สำหรับการคัดกรองโรคและการประยุกต์ใช้สำหรับการแพทย์ฉุกเฉิน” (AI Assistive Platform for Emergency Medical Services : AIEMS) โดยคณะแพทยศาสตร์ สจล. ได้ทำให้เห็นแล้วว่าเทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์สามารถนำมาใช้ในเรื่องของการแพทย์ได้ โดยระบบดังกล่าวจะประมวลผลเป็นอัลกอริทึม ซึ่งจะแปลงสัญญาณเสียงพูดหรือความรู้สึกมาเป็นตัวอักษร เพื่อประเมินความเสี่ยงหรือความรุนแรง และส่งต่อไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน เพื่อจัดเตรียมรถฉุกเฉินออกไปรับผู้ป่วยในเวลาอันรวดเร็วทำให้สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้


ศ.นพ.อนันต์ ศรีเกียรติขจร คณบดี คณะแพทยศาสตร์ สจล. กล่าวว่า จากข้อมูลสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) พบว่า การนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตจากจุดเกิดเหตุไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล ยังเป็นไปอย่างล่าช้า โดยผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตต้องเสียชีวิต ช่วงก่อนถึงโรงพยาบาลมากกว่าร้อยละ 20 และสถิติปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนของไทย โดยองค์การอนามัยโลกจัดให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดเป็นอันดับ 9 ของโลก โดยมีอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนปีละประมาณ 22,491 ราย คิดเป็น 32.7 คนต่อประชากร 1 แสนคน หรือเฉลี่ยแล้วมีประชากรไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุชั่วโมงละ 3 คน สจล.ได้ตระหนักถึงความสำคัญ จึงได้พัฒนานวัตกรรมดังกล่าวขึ้น ซึ่งต่อยอดมาจากโครงการระบบไฟจราจรอัฉริยะสำหรับบริการการแพทย์ฉุกเฉิน (iAmbulance) โดยร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) องค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว และโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี โดยใช้ระยะเวลาในการศึกษาและวิจัยโครงการนี้นานกว่า 6 เดือน ภายใต้งบประมาณการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน

ศ.นพ.อนันต์ กล่าวว่า ระบบ AIEMS ที่พัฒนาขึ้นมาสามารถลดเวลาในขั้นตอนการคัดกรองอาการผู้ป่วยที่เป็นข้อมูลสำคัญในการเลือกชนิดของรถฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดเวลาการรอคอยของผู้ป่วย และลดอัตราการสูญเสียอันเกิดจากการเสียชีวิตระหว่างการเดินทางไปโรงพยาบาลจากเดิมที่ร้อยละ 20 โดยที่ผ่านมาศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินต่างๆ ประสบปัญหาจากการโทรศัพท์เข้ามาก่อกวน ทำให้ไม่สามารถให้บริการผู้ป่วยจริงได้อย่างทั่วถึง โดยเจ้าหน้าที่ 6 คน สามารถรับโทรศัพท์ได้เพียง 1,500 สายต่อวันเท่านั้น ขณะที่ข้อจำกัดของเจ้าหน้า คือ เรื่องของเวลาเพราะต้องสอบถามประวัติและข้อมูลต่างๆ รวมถึงประสานงานรถฉุกเฉินที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อไปรับผู้ป่วย ณ ที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด โดยการแพทย์ฉุกเฉินสากลได้กำหนดไว้ว่ารถฉุกเฉินต้องไปถึงผู้ป่วยภายใน 8 นาที ซึ่งนับตั้งแต่เวลาที่มีการรับสายแจ้งเหตุ จนกระทั่งทีมแพทย์ฉุกเฉินเดินทางไปถึงผู้ป่วย ซึ่งแต่ละปีมีการสูญเสียชีวิตมากกว่า 3 แสนคน อันเนื่องมาจากปัญหาความล่าช้าในกระบวนการรอคอย และการจราจรที่ติดขัดบนท้องถน


ดร.เกรียงศักดิ์ ขาวเนียม ผู้จัดการโครงการวิจัย และอาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ สจล. กล่าวว่า ระบบ AIEMS ทำงาน 3 ด้าน คือ เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แชร์ข้อมูลให้กับบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีผลในการลดเวลาในการรอคอยของผู้ป่วย โดยระบบ AIEMS จะประมวลอาการและคัดกรองผู้ป่วยจากเดิมที่ต้องใช้เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุฉุกเฉินเป็นผู้จดประวัติหรือสอบถามอาการเบื้องต้น แต่หากเป็นระบบ AIEMS จะทำการแปลงสัญญาณจากสัญญาณเสียงพูดเป็นตัวอักษร ซึ่งสามาถลดในขั้นตอนนี้เหลือเพียง 1-3 นาทีเท่านั้น จากปกติที่ต้องใช้เวลา 3-5 นาที หลังจากนั้นระบบ AIEMS จะนำส่งข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่รถฉุกเฉิน เพื่อจัดเตรียมรถฉุกเฉินที่อยู่ใกล้และเลือกรถฉุกเฉินที่เหมาะกับอาการของผู้ป่วย โดยแบ่งเป็น 3 ระดับสี ได้แก่ สีแดงผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต สีเหลืองผู้ป่วยฉุกเฉินเร่งด่วน และสีเขียวผู้ป่วยฉุกเฉินไม่รุนแรง พร้อมกันนี้ระบบ AIEMS จะนำส่งข้อมูลให้กับโรงพยาบาลปลายทาง เพื่อเตรียมความพร้อมในด้านบุคลากรและเครื่องมือทางการแพทย์ในการรักษาผู้ป่วย

ปัจุบันระบบ AIEMS สามารถคัดกรองและประมวลผล 25 กลุ่มอาการโรคฉุกเฉิน ได้แก่ 1.ปวดท้องบริเวณหลัง เชิงกราน และขาหนีบ 2.แพ้ยา แพ้อาหาร แพ้สัตว์ต่อย แอนาฟิแล็กซิส ปฏิกิริยาภูมิแพ้ 3.สัตว์กัด 4.เลือดออกโดยไม่ได้มีสาเหตุมาจากการบาดเจ็บ 5.หายใจลำบาก หายใจติดขัด 6.หัวใจหยุดเต้น 7.เจ็บแน่นทรวงอก หัวใจ มีปัญหาทางด้านหัวใจ 8.สำลัก อุดกั้นทางเดินหายใจ 9.เบาหวาน 10.ภาวะฉุกเฉินเหตุสิ่งแวดล้อม 11.ปวดศีรษะ ภาวะผิดปกทางตา หู คอ จมูก 12.คลุ้มคลั่ง ภาวะทางจิตประสาท อารมณ์ 13.พิษ รับยาเกินขนาด 14.มีครรภ์ คลอด นรีเวช 15.ชัก มีสัญญาณบอกเหตุการชัก 16.ป่วย อ่อนเพลีย อัมพาตเรื้อรัง ไม่ทราบสาเหตุจำเพาะ 17.อัมพาต กล้ามเนื้ออ่อนแรง สูญเสียความรู้สึก ยืนหรือเดินไม่ได้เฉียบพลัน 18.ไม่รู้สติ ไม่ตอบสนอง หมดสติชั่ววูบ 19.เด็ก กุมารเวช 20.ถูกทำร้าย 21.ไหม้ ลวกเหตุความร้อน สารเคมี ไฟฟ้าช็อต 22.ตกน้ำ จมน้ำ บาดเจ็บทางน้ำ 23.พลัดตกหกล้ม อุบัติเหตุ เจ็บปวด 24.อุบัติเหตุยานยนต์ และ 25.อื่นๆ นอกจากนี้ ระบบดังกล่าวยังสามารถประยุกต์ใช้กับการคัดกรองและประมวลผลโรคทั่วไปได้อีกด้วย อาทิ โรคเบาหวาน ปวดหัว และเป็นไข้ เป็นต้น


นอกจากนี้ คณะแพทยศาสตร์ สจล.ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ AIEMS อย่างต่อเนื่อง ภายใต้การร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการแปลงสัญญาณเสียงพูดภาษาท้องถิ่น เช่น ภาษาอีสาน ภาษาใต้ ภาษาเหนือ ให้เป็นเป็นตัวอักษร รวมถึงภาษาอังกฤษและภาษาประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง ลาว และพม่า เพื่อผลักดันให้บรรลุเป้าหมายเป็นแพลตฟอร์มระดับโลก และเกิดการใช้งานจริงอย่างแพร่หลาย ซึ่งจะทำให้คณะแพทยศาสตร์ สจล. ก้าวสู่การเป็นผู้นำทางด้านการแพทย์ฉุกเฉิน 

ทั้งนี้ ระบบ AIEMS จะนำร่องทดลองใช้ในจังหวัดสระแก้วเป็นแห่งแรก ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก นายทรงยศ เทียนทอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว โดยนำระบบดังกล่าวไปติดตั้งภายในศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดสระแก้ว ควบคู่กับการนำระบบไฟจราจรอัฉริยะสำหรับบริการการแพทย์ฉุกเฉิน (iAmbulance) ที่ถูกนำไปติดตั้งทางร่วมแยกกว่า 20-30 แห่งทั่วจังหวัด เพื่อใช้เป็นโมเดลต้นแบบให้กับจังหวัดอื่นๆ และผลักดันให้เกิดการใช้งานจริงในประเทศไทย และในอนาคตอันใกล้นี้ ทางสจล.จะร่วมมือกับศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) เพื่อติดตั้งระบบ AIEMS มาใช้กับรถฉุกเฉินในสังกัด กทม. ที่ปัจจุบันมีอยู่ 200 คัน ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงาน และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในลำดับต่อไป


นพ.พรเทพ แซ่เฮ้ง ผู้อำนวยการ ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) กล่าวว่า ได้ให้การสนับสนุนทางด้านข้อมูลการแพทย์ เพื่อให้ทาง สจล. นำไปใช้เป็นข้อมูลในการค้นคว้าและวิจัยระบบ “นวัตกรรมระบบ AI สำหรับการคัดกรองโรคและการประยุกต์ใช้สำหรับการแพทย์ฉุกเฉิน” (AI Assistive Platform for Emergency Medical Services : AIEMS) เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางการแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งสามารถลดขั้นตอนและเวลาการทำงาน รวมถึงช่วยลดอัตราการสูญเสียอันเกิดจากการเสียชีวิตระหว่างการเดินทางไปโรงพยาบาล

นายทรงยศ เทียนทอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า ได้ให้การสนับสนุนทางด้านเครื่องมือประมวลผลสมรรถนะสูงเพื่อใช้งาน AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ในการพัฒนาและให้บริการระบบ AIEMS โดยจะนำร่องทดลองใช้ระบบดังกล่าวในจังหวัดสระแก้วเป็นแห่งแรกในช่วงต้นเดือนมกราคม 2563 ควบคู่กับการนำระบบไฟจราจรอัฉริยะสำหรับบริการการแพทย์ฉุกเฉิน (iAmbulance) มาติดตั้งในทางร่วมแยกทั่วจังหวัดสระแก้ว ที่มีอยู่ประมาณ 20-30 แห่ง เพื่อให้เกิดเป็นต้นแบบ และถูกนำไปใช้งานจริงกับรถฉุกเฉินในอนาคต






กำลังโหลดความคิดเห็น