กทม.ยอมรับ “บีทีเอส” ยังขัดข้องต่อเนื่อง ถกเครียด BTSC - กสทช.ขอจัดสรรคลื่นความถี่ใหม่ในการเดินรถ “สกลธี” เผย กสทช.พร้อมจัดสรรคลื่นใหม่ อาจเป็น 800-900 หรือ 4,000-5,000 MHz แต่ต้องแจ้งความประสงค์ สั่ง BTSC วิเคราะห์ค่าใช้จ่ายและผลกระทบ ก่อนเคาะอีกทีปลาย ส.ค.
วันนี้ (18 ก.ค.) นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมหารือความเป็นไปได้ในการขอจัดสรรคลื่นความถี่เฉพาะสำหรับรถไฟฟ้าระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บีทีเอส) โดยมี นายสมพงษ์ เวียงแก้ว รองปลัด กทม. ผู้แทนสำนักการจราจรและขนส่ง สำนักงานกฎหมายและคดี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) และ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ร่วมประชุม
นายสกลธี กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมา BTSC ได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนและติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณใหม่ เป็น MOXA พร้อมทั้งติดตั้งตัวกรองคลื่น (band part filter) เพิ่มเติมแล้ว ตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. 2561 เพื่อแก้ปัญหาคลื่นรบกวนระบบอาณัติสัญญาณ ซึ่งก่อนหน้านี้ ทำให้เกิดระบบการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้อง โดยหนีไปใช้คลื่นความถี่ช่วงปลายของ 2400MHz อย่างไรก็ตาม ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ยังพบว่า เกิดเหตุขัดข้องในการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสขึ้นอีก ซึ่ง BTSC ได้ชี้แจงว่า ได้ดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณ และตัวกรองคลื่นบนขบวนรถไฟฟ้าครบทุกขบวนแล้ว ในส่วนของการติดตั้งตัวกรองคลื่นความถี่นั้น ต้องติดตั้งที่ตัวสถานที่ด้วย ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการติดตั้งแล้ว 2 สถานี ได้แก่ สถานีพร้อมพงษ์ และ สถานีพระโขนง ส่วนที่เหลือจะติดตั้งแล้วเสร็จกลางเดือน ต.ค. 2561 ซึ่งคาดว่าเหตุการณ์ขัดข้องดังกล่าวจะน้อยลง
นายสกลธี กล่าวว่า ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาในกรณีที่ติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวแล้วยังเกิดปัญหารถไฟฟ้าขัดข้องอีก ได้มอบหมายให้ BTSC หารือกับ กสทช. เพื่อจัดสรรคลื่นความถี่เฉพาะสำหรับรถไฟฟ้า ซึ่งเบื้องต้น กสทช. แจ้งว่า พร้อมจัดสรรคลื่นความถี่ให้ หากบีทีเอสแจ้งความประสงค์ขอใช้คลื่นความถี่ไปยัง กสทช. โดยสามารถให้ใช้งานที่ช่วงคลื่นความถี่ 800-900 เมกะเฮิรตซ์ หรือช่วงคลื่นความถี่ 4,000-5,000 เมกะเฮิรตซ์ ส่วน BTSC จะต้องไปพิจารณาความพร้อมทั้งในเรื่องค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนและติดตั้งอุปกรณ์ ระยะเวลาในการดำเนินการหากต้องมีการปรับเปลี่ยนคลื่นความถี่ใหม่ รวมทั้งต้องศึกษาผลกระทบในระหว่างการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ ซึ่งอาจต้องมีการหยุดเดินรถหรือไม่อย่างไร โดยจะมีการประชุมหารือกันอีกครั้งปลายเดือนสิงหาคมนี้