ผู้บริโภคจวก “บีทีเอส” เยียวยารถไฟฟ้าขัดข้องไม่เป็นธรรม ย้ำบัตรรายเดือนต้องเยียวยาไม่ตัดเงินตัดเที่ยวตามวันที่เกิดเหตุขัดข้องจริง ไม่ใช่แค่วันปรับปรุงระบบ ชี้บัตรเที่ยวเดียวต้องคืนเงินทันทีที่ออกจากระบบ ไม่ใช่ให้ใช้ใหม่ใน 14 วัน ลั่นพร้อมฟ้องร้องแทน
จากกรณีช่วง มิ.ย.ที่ผ่านมา เกิดเหตุรถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้องบ่อยครั้งจนผู้โดยสารได้รับผลกระทบ โดยล่าสุดบีทีเอสได้แก้ไขโดยขยายคลื่นการเดินรถจาก 2,400 MHz ไปอยู่ที่ 2480-2495 MHz เพื่อเลี่ยงคลื่นความถี่ 2300 MHz รบกวน โดยเริ่มเดินรถด้วยคลื่นใหม่เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนการเยียวยาบีทีเอสจะเยียวยาเฉพาะการเดินรถด้วยคลื่นใหม่ โดยบัตรแบบเติมเงินและเติมเที่ยวจะไม่มีการตัดเที่ยวหรือค่าเดินทาง ส่วนบัตรโดยสารเที่ยวเดียวสามารถออกจากระบบและเก็บบัตรโดยสารไว้ใช้งานได้ใหม่ภายใน 14 วันตามมูลค่าเดิม
วันนี้ (2 ก.ค.) น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) กล่าวถึงมาตรการเยียวยาของบีทีเอสว่า การเยียวยาเช่นนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะผลกระทบไม่ได้มีแค่ช่วงที่ปรับระบบใหม่ แต่ก่อนหน้านั้นก็มีการได้รับผลกระทบจะไม่มีการเยียวยาหรืออย่างไร ตนมองว่าการเยียวยาควรเยียวยาอย่างเป็นระบบ อย่างผู้โดยสารที่ใช้แบบรายเดือนทั้งประเภทเติมเงินหรือเติมเที่ยวก็ควรเยียวยาโดยไม่มีการตัดเที่ยวหรือตัดเงินนั้นเป็นมาตรการที่เห็นด้วย แต่จะต้องเยียวยาให้ครบตามจำนวนวันที่เกิดเหตุขัดข้องขึ้น ไม่ใช่แค่ความขัดข้องที่เกิดขึ้นในช่วงปรับระบบใหม่เท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้ก็เกิดเหตุการณ์ขัดข้อง โดยเฉพาะช่วงวันที่ 25-27 มิ.ย.ที่ผ่านมา เรียกว่าต้องเยียวยากันตามจริง
น.ส.สารีกล่าวว่า ส่วนผู้โดยสารที่ซื้อบัตรแบบรายวัน หรือแบบเที่ยวเดียว หากเกิดปัญหาแล้วให้เก็บบัตรโดยสารไว้ใช้ภายใน 14 วัน ก็ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม เพราะผู้โดยสารอาจไม่ได้มีความจำเป็นที่ต้องเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสอีกภายใน 14 วันก็ได้ จริงๆ หากมีความขัดข้องและเมื่อออกจากระบบก็ควรจะคืนเงินทันที ไม่ใช่ว่าบีทีเอสเงินเข้ากระเป๋าไปแล้ว แล้วไม่คิดจะเอาเงินออกเลย ทั้งนี้ หากผู้โดยสารที่ได้บัตรโดยสารเที่ยวเดียวเอาไว้ใช้ภายใน 14 วัน และได้รับความเสียหายคือไม่ได้ใช้งานภายในเวลาที่กำหนด ตรงนี้ถือว่ามีหลักฐานความเสียหายชัดเจน ก็อยากให้ฟ้องเข้ามายังมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้เลย เนื่องจากมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคสามารถฟ้องแทนผู้บริโภคตได้ตามกฎหมาย
เมื่อถามถึงการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความล่าช้าของบีทีเอสในช่วงที่มีปัญหาหนักก่อนปรับปรุงระบบ น.ส.สารีกล่าวว่า ในส่วนของบัตรเติมเงินหรือเติมเที่ยวไม่น่าเป็นห่วง เพราะเราเรียกร้องให้พอแตะบัตรแล้ว ไม่คิดเงินหรือไม่คิดเที่ยวตามจำนวนวันที่เสียหายได้ แต่ที่มีปัญหาคือผู้ที่ใช้บัตรประเภทเที่ยวเดียว เพราะเมื่อออกจากระบบก็เท่ากับคืนบัตรไปแล้ว ไม่มีหลักฐานว่าเป็นผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งหากจะฟ้องว่าได้รับผลกระทบก็ต้องมีหลักฐาน เช่น มีภาพของบัตรเที่ยวเดียวที่ใช้ในวันนั้น หรือหลักฐานว่ามีการเข้าไปในชานชาลาจริงในวันที่เกิดเหตุ มิเช่นนั้นก็ฟ้องความเสียหายได้ยาก แต่ในส่วนของคนที่มีบัตรเที่ยวเดียวให้นำกลับมาใช้ภายใน 14 วัน แล้วไม่ได้ใช้ตรงนี้สามารถฟ้องได้แน่นอน