นักโภชนาการ เชื่อ “โปรแกรมเมนูอาหารกลางวัน” ช่วยป้องกันทุจริตได้ส่วนหนึ่ง เหตุเห็นวัตถุดิบและราคาชัดเจน ชี้ ต้นสังกัด ร.ร. สั่งให้ใช้เป็นโอกาสดี ช่วยเด็กไทยได้รับโภชนาการครบถ้วน เผย สเต็ปถัดไปต้องเพิ่มการอบรมครูและแม่ครัว ขยายจำนวน ร.ร. ให้ครบทั่วประเทศ
วันนี้ (25 มิ.ย.) นายสง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษากรมอนามัย กล่าวถึงกรณีกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สั่งโรงเรียนในสังกัดใช้โปรแกรม “ไทยสคูลลันช์” จัดอาหารกลางวันให้เด็ก เพื่อป้องกันทุจริตและได้คุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน ว่า เรื่องนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะช่วยทำให้นักเรียนไทยได้รับอาหารกลางวันที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น มีโภชนาการที่ดีขึ้น เนื่องจากโปรแกรมดังกล่าวจะบอกเมนูแต่ละวันที่ควรทำ จำนวนวัตถุดิบ วิธีในการปรุง และราคาวัตถุดิบต่างๆ ที่จะต้องซื้อ ทำให้นักเรียนสามารถได้คุณค่าทางโภชนาการเท่าที่ต้องการและมีมาตรฐาน เพราะผ่านการคำนวณจากโปรแกรมมาอย่างดี ต่างจากอดีตที่ต้องมาคำนวณด้วยมือ
นายสง่า กล่าวว่า แม้จะมีคำสั่งให้โรงเรียนแต่ละสังกัดใช้โปรแกรมดังกล่าว แต่สิ่งที่ต้องดำเนินการต่อคือ การอบรมหรือเทรนนิงให้ครูที่ดแลเรื่องอาหารกลางวันและแม่ครัวใช้โปรแกรมดังกล่าวเป็น เพราะต้องอาศัยเทคนิคในการกรอกข้อมูลต่างๆ เช่น จำนวนนักเรียน เพศ ชั้นเรียน เป็นต้น ซึ่งการพูดอาจดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่ต้องอาศัยเทคนิคการอบรมเพื่อให้สามารถใช้โปรแกรมได้จริง โดยใช้เวลาฝึกประมาณ 2 - 3 วัน ทั้งนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องคงต้องมาวางแผน ว่า โรงเรียนที่มีกว่า 3 หมื่นโรงนั้น ภายในสิ้นปี 2561 จะมีการใช้กี่โรง และวางแผนระยะยาวว่าภายใน 2 - 3 ปี จะขยายทั่วทั้งประเทศได้หรือไม่
“เท่าที่ทราบขณะนี้มีโรงเรียนที่ใช้โปรแกรมดังกล่าวอยู่ในระดับหลักพันเท่านั้น แต่ใช้แล้วคุณภาพอาหารกลางวันเป็นอย่างไร มีความต่อเนื่องหรือไม่ ต้นสังกัดของโรงเรียนแต่ละแห่ง เช่น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นต้น จะต้องดำเนินการตรวจสอบเพื่อเก็บข้อมูล และขยายผลการดำเนินงานให้ครอบคลุมต่อไป ซึ่งวิธีหนึ่งในการช่วยขยายการใช้โปรแกรมดังกล่าว คือ การสร้างโรงเรียนต้นแบบ ซึ่งขณะนี้มีการดำเนินการโรงเรียนต้นแบบเด็กไทยแก้มใส ประมาณ 2 - 3 ร้อยโรง เพื่อขยายการใช้โปรแกรมออกไป” นายสง่า กล่าว
เมื่อถามว่า โปรแกรมดังกล่าวจะช่วยป้องกันทุจริตอาหารกลางวันได้จริงหรือไม่ นายสง่า กล่าวว่า การทุจริตไม่ได้เกิดจากเครื่องมือหรือตัวโปรแกรม แต่เกิดจากบุคคล ว่า มีคุณธรรมจริยธรรมด้วยหรือไม่ ดังนั้น โปรแกรมนี้อาจช่วยได้ส่วนหนึ่ง เพราะโปรแกรมจะระบุข้อมูลชัดเจนว่าวัตถุดิบควรเป็นเท่าไร ราคาเท่าไร ตรงนี้จะเป็นหลักฐานอ้างอิงในการเอาผิดคนที่ไปซื้อหรือคนที่เกี่ยวข้อง หรือคนที่ทุจริตได้