“ตูน บอดี้สแลม” เตรียมทำหนังสารคดีก้าวคนละก้าว ฉายฟรีทั่วประเทศ หารายได้สมทบทุนสร้างอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา รพ.ศิริราช และจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ใช้ในการดูแลผู้ป่วยด้อยโอกาส ด้าน “หมอเมย์” ชวนเพื่อนพ้องวงการหมอออกกำลังกาย เป็นตัวอย่างแก่คนไข้
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม กล่าวในงานประชุมวิชาการ 50 ปี แพทยสภา ว่า จากการได้รับเชิญไปวิ่งเพื่อหางบประมาณในการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาลบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำให้ทราบว่า บางคนต้องรอคิวในการรักษานาน จากที่เคยเป็นระยะแรกๆ กว่าจะถึงคิวรักษาก็เข้าสู่ระยะท้ายๆ แล้ว และทำให้รู้ว่าเมื่อ 30 ปีก่อนก็มีคุณหมอท่านหนึ่งที่ออกมาวิ่งจากเชียงใหม่ถึงกรุงเทพฯ เพื่อขอรับบริจาคเงินในการซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ ทำให้รู้สึกว่าแพทย์ต้องทำเพื่อช่วยเหลือคนไข้ในทุกมิติ แล้วทำไมเราไม่ช่วยทำ ทั้งที่เราเข้าไปรับบริการเพียงอย่างเดียว จึงคิดว่าถ้าเราทำอะไรได้เพื่อช่วยแบ่งเบาบุคลากรทางการแพทย์ได้ก็ควรทำ โดยทำให้สิ่งที่ตนถนัด คือ การวิ่ง จึงเป็นที่มาของโครงการก้าวคนละก้าว
นายอาทิวราห์ กล่าวว่า โครงการนี้ตนพูดมาตลอดว่าตั้งเป้าไว้ที่ 700 ล้านบาท หลักคิดคือ คนไทยจำนวน 70 ล้านคน ทุกคนเสียสละคนละ 10 บาท ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินที่ทุกคนจ่ายได้ ไม่เดือดร้อน แต่เมื่อมารวมกันแล้วเป็นเงินก้อนใหญ่ที่สามารถนำไปซื้อเครื่องมือแพทย์ เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษา ลดการรอคิวลงได้ ซึ่งวันที่ปิดโครงการเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้เงินบริจาคมากกว่า 1.4 พันล้านบาท มากกว่าที่ตั้งใจไว้ และตอนนี้ก็กระจายไปยัง 11 โรงพยาบาลแล้ว เพื่อต่อชีวิตให้ผู้ป่วยอีกจำนวนมาก จะเห็นว่าถ้าเรารวมกันมันมีพลังมากกว่าที่คิด สำหรับผลที่ได้จากการวิ่งทำให้รู้สึกสดชื่น เวลาเล่นคอนเสิร์ตยิมรับว่ามีการลืมเนื้อเพลงบ้าง แต่จากการวิ่งทำให้ลืมน้อยลง เพราะมีสมาธิจดจ่อตรงหน้าว่าจะเอนเตอเทนคนดูอย่างไร เรียกว่าพอเรามีแรงมากขึ้น ฟิตมากขึ้น การไม่เหนื่อยบนเวที ทำให้เรามีสติมากขึ้น ไม่หอบ หัวใจไม่ได้เต้นเร็วเกินไป เรายังอยู่ในเกมที่คุมได้
นายอาทิวราห์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับโครงการก้าวคนละก้าว โดยจะเป็นการแสดงให้เห็นตั้งแต่การเริ่มประชุมโครงการ การฝึกซ้อม ช่วงวิ่งจนถึงวันเข้าเส้นชัยที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นตัวแทนจุดประกายให้คนไทยวิ่งต่อ โดยตั้งใจว่าจะฉายให้คนไทยได้ดูฟรีทั่วประเทศ ตามกำลังความสามารถของตนเองที่จะหาผู้สนับสนุนในการฉาย ส่วนรายได้ตั้งใจจะมอบเป็นการสมทบทุนก่อสร้างอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา รพ.ศิริราช ซึ่งจะไปดูแลประชาชนต่อไป
“ตลอดเส้นทางที่วิ่งผมได้รับคำชมมากมาย ว่า เป็นฮีโร่บ้าง สุดยอดบ้าง แต่ผมคิดมาตลอดว่า ไม่ใช่ ผมรอวันนี้ที่จะเจอบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อมอบเกียรติและคำยกย่องว่าเป็นฮีโร่ ว่าสุดยอด ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมด เพราะผมวิ่ง 55 วัน ผมก็หยุด แต่พวกคุณวิ่งกันมานาน และยังจะวิ่งกันอีกต่อไปเพื่อให้ระบบสาธารณสุขได้ดีขึ้น” นายอาทิวราห์ กล่าว
พญ.สมิตดา สังขะโพธิ์ หรือ หมอเมย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลพระรามเก้า หนึ่งในทีมงานก้าวคนละก้าว กล่าวว่า อยากขอแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ หันมาออกกำลังกาย เพราะจะทำให้มีพลังบวกที่จะทำงานต่อ และหากไม่ออกกำลังกายเองหรือวิ่งเอง ก็จะไม่รู้ข้อจำกัดของการออกกำลังกายว่ามีอะไรบ้าง เวลาแนะนำคนไข้ให้ออกกำลังกายก็จะไม่รู้ว่าเขามีข้อจำกัดอย่างไร แต่หากเราลงมือทำเอง ก็จะสามารถสื่อสารกับคนไข้ได้ตรงขึ้น และเป็นตัวอย่างให้คนไข้เห็นและทำตาม และเป็นการสื่อให้รู้ว่าเราดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีก่อน เราถึงดูแลสุขภาพของคนอื่นได้ มิเช่นนั้นก็ไม่สามารถดูแลคนอื่นได้ดี ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ คุณตูน ที่ออกวิ่งเป็นตัวอย่างของการลงมือทำ และทำให้มีคนออกมาวิ่งตามเป็นจำนวนมาก
ด้าน ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ขณะนี้การก่อสร้างอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา ดำเนินการก่อสร้างคืบหน้าไปมาก คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้กลางปีหน้า แต่ยังต้องการการรับบริจาคเพิ่มเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์อีกกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งคุณตูนก็ได้มีการเข้ามาพูดคุยและร่วมกันจัดทำภาพยนตร์สารคดีเพื่อสมทบทุนในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่า การก่อสร้างอาคารคืบหน้ามาก เพราะได้รับเงินบริจาคจากคนไทยจำนวนกว่า 4 พันล้านบาท สะท้อนถึงความรัก และความเอื้ออาทรของคนไทย ซึ่งยืนยันว่าอาคารจะเมื่อสำเร็จจะเป็นอาคารที่ใช้สำหรับดูแลผู้ป่วยด้อยโอกาสจริงๆ
