กรมอนามัย แจงอาการผลข้างเคียง “ยาฝังคุมกำเนิด” อาจเป็นสิว ปวดศีรษะ ขาดประจำเดือน ไม่พบหลักฐานทำน้ำหนักตัวเพิ่ม แต่มีประสิทธิภาพสูง ไม่รบกวนปริมาณคุณภาพน้ำนม หรือ การมีเพศสัมพันธ์ ให้บริการวัยรุ่นหลังคลอด เพื่อป้องกันตั้งครรภ์ซ้ำ
นพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ยาฝังคุมกำเนิดเป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบกึ่งถาวรที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถคุมกำเนิดได้ในระยะเวลา 3 ปี และ 5 ปี ไม่มีผลรบกวนต่อการมีเพศสัมพันธ์ สามารถใช้ในสตรีระยะให้นมบุตรโดยไม่มีผลไปรบกวนปริมาณและคุณภาพของน้ำนม และเมื่อหยุดใช้ยานี้แล้ว สามารถมีบุตรได้ตามปกติทันทีหลังหยุดใช้ยา การฝังยาคุมกำเนิดอาจมีอาการข้างเคียงเกิดขึ้นได้แต่ไม่บ่อย เช่น เป็นสิว ปวดศีรษะ หรือประจำเดือนมากระปริดกระปรอย ซึ่งส่วนใหญ่จะหายไปได้เองภายใน 6 เดือน บางรายอาจมีการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัว อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักอาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยที่หลากหลาย ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการที่สามารถยืนยันอย่างชัดเจนว่าการเพิ่มของน้ำหนักตัวเป็นผลโดยตรงจากยาฝังคุมกำเนิด
นพ.บัญชา กล่าวว่า บางรายอาจพบอาการขาดประจำเดือน ซึ่งผู้ให้บริการต้องให้คำปรึกษา แก่ผู้รับบริการ รวมทั้งการหาสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดภาวะไม่มีประจำเดือน โดยซักประวัติ ตรวจร่างกายทั่วไป ตรวจภายใน และตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจการตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์นอกมดลูก ถ้าไม่พบสาเหตุอื่นๆ ก็ให้การปรึกษาซ้ำว่าภาวะนี้พบได้เช่นเดียวกับการฉีดยาคุมกำเนิด และจะมีผลดีต่อภาวะโลหิตจาง ถ้าผู้รับบริการมีความวิตกกังวล ควรให้กำลังใจหรือให้ยาเพื่อลดความกังวล และนัดตรวจติดตาม ถ้ายังมีความวิตกกังวลมากหรือผู้รับบริการไม่ยอมรับภาวะการขาดประจำเดือน อาจต้องพิจารณาถอดยาฝังคุมกำเนิดพร้อมแนะนำวิธีคุมกำเนิดวิธีอื่นที่เหมาะสม โดยควรแนะนำให้ผู้รับบริการฝังยาคุมกำเนิดควบคุมอาหารและออกกำลังกายร่วมด้วย
“ที่ผ่านมา กรมอนามัยร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดทำแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ซึ่งบรรจุเป็นแผนงานระดับประเทศเพื่อให้วัยรุ่นเข้าถึงบริการคุมกำเนิดชนิดกึ่งถาวร โดย สปสช. ได้สนับสนุนการให้บริการคุมกำเนิดแบบกึ่งถาวร (ห่วงอนามัยและยาฝังคุมกำเนิด) ให้แก่ประชาชนไทยเพศหญิงที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ทุกสิทธิที่อยู่ในภาวะหลังคลอด แท้ง หรือต้องการคุมกำเนิด โดยสามารถขอรับบริการได้ที่สถานบริการในเครือข่ายของ สปสช. ทั่วประเทศ” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว