“ประเสริฐ” หนุนควบรวม “วท.- สกอ.- หน่วยงานวิจัย” ห่วงงบฯกระจุกมหาวิทยาลัยใหญ่
สืบเนื่องมาจากกระแสการควบรวมกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และหน่วยงานวิจัยของประเทศมาเป็นกระทรวงวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และอุดมศึกษา นั้น รศ.ดร.ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว เพราะจะส่งผลดีต่องานวิจัย เพราะคนที่ทำงานด้านวิจัย ร้อยละ 80 มาจากมหาวิทยาลัย ร้อยละ 20 เป็นของหน่วยงานภาคเอกชน ดังนั้น การควบรวมในครั้งนี้จะเป็นการปฏิรูปครั้งใหญ่ เป็นการนำโครงสร้าง 2 กระทรวงเข้ามารวมกัน โดยจะต้องให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการ ซึ่ง วท. จะต้องมีนโยบายและส่งเสริมให้อาจารย์มหาวิทยาลัยมีโอกาสทำงานวิจัยที่สามารถต่อยอดได้ ส่วนงานอุดมศึกษาภายใต้สังกัดใหม่จะต้องสนองนโยบายรัฐบาล เน้นเรื่องเทคโนโลยีและสถาบันอุดมศึกษาไม่ใช่มุ่งเน้นทำงานวิจัยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องทำหน้าที่พัฒนากำลังคนให้ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ดังนั้น เมื่อมีงานวิจัย มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ก็จะต้องเชื่อมโยงกับภาคประกอบการ เพื่อนำงานวิจัยไปต่อยอดต่อไปด้วย
รศ.ดร.ประเสริฐ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับการวางกรอบโครงสร้างกระทรวงใหม่ แบ่งเป็น 4 กลุ่มงานนั้น แต่ในส่วนของมหาวิทยาลัยที่แนวโน้มจำนวนนักศึกษาลดลงนั้น การขับเคลื่อนจะต้องมุ่งไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยเฉพาะทาง กำหนดพื้นที่ที่รับผิดชอบ เช่น กลุ่มราชมงคล ต้องตอบสนองต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิต และมหาวิทยาลัยในพื้นที่ต่างๆ จะต้องตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่มากขึ้น ทั้งในกลุ่มวิทยาศาสตร์ ที่มีความเชี่ยวชาญขั้นสูง ด้านการแพทย์ ชีวภาพเคมี เป็นต้น ส่วนเรื่องของงบประมาณวิจัย ตนมองว่างบฯส่วนใหญ่จะไปตกอยู่ที่มหาวิทยาลัยเก่า มหาวิทยาลัยที่มีความแข็งแรงด้านงานวิจัยจะได้งบฯมาก ทำให้เกิดการกระจุกตัวของงบประมาณ ไม่มีการกระจายลงไปสู่พื้นที่ ดังนั้น มหาวิทยาลัยในพื้นที่จะต้องทำงานรวมกับชุมชน เพื่อให้งบฯด้านงานวิจัยได้ถูกกระจายลงไปให้ชุมชนได้เห็นว่ามหาวิทยาลัยพร้อมจะเป็นที่พึ่ง
“ผมรู้สึกวิตกกังวลเรื่องหนึ่ง คือ การควบรวมกระทรวงเข้ามา อาจมีปัญหาเรื่องงบประมาณจะตกไปที่มหาวิทยาลัยเก่า และมหาวิทยาลัยใหญ่ แต่ในกลุ่มมหาวิทยาลัยใหม่และมหาวิทยาลัยด้านสังคมจะมีการพัฒนาช้า เพราะฉะนั้นจะต้องสร้างมหาวิทยาลัยให้มีมาตรฐาน สร้างมหาวิทยาลัยเฉพาะด้าน และมุ่งให้มหาวิทยาลัยพัฒนาตามเขตพื้นที่ของตัวเอง” รศ.ดร.ประเสริฐ กล่าว