บอร์ดมรดกภูมิปัญญาฯ ยืนยัน “นวดไทย” เสนอขึ้นบัญชีมรดกวัฒนธรรมชนิดจับต้องไม่ได้ปี 2562 พร้อมเผย ยูเนสโก พิจารณา “โขน” ขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมจับต้องไม่ได้ เดือน ธ.ค. 2561 นี้
วันนี้ (30 เม.ย.) นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ครั้งที่ 3/2561 ว่า ที่ประชุมได้รับทราบ กรณีผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การยูเนสโก กรุงปารีส เรื่อง ขอให้ประเทศไทยแจ้งยืนยันการเสนอรายการ “นวดไทย” เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาล ของยูเนสโก ในรอบปี 2562 เพื่อให้ทันในเวลาที่กำหนด ในการนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรมจึงได้ทำหนังสือแจ้งยืนยันการเสนอรายการ นวดไทย เพื่อแจ้งต่อเลขานุการอนุสัญญาฯ ของยูเนสโก เรียบร้อยแล้วในส่วนของการเสนอ โขน เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของยูเนสโก ซึ่งจะทราบผลภายในเดือนธันวาคม 2561 นี้
ทั้งนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการยังรับทราบการดำเนินงาน โครงการดีเด่นในการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมประจำปี 2561 จำนวน 10 รางวัล จากทั่วประเทศ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติ สร้างขวัญกำลังใจ ความภาคภูมิใจให้กับผู้ที่ดำเนินการส่งเสริมรักษาสืบสาน ถ่ายทอด ฟื้นฟูพัฒนามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม อันจะให้เป็นแบบอย่างแก่ผู้สนใจต่อไปโดยในเบื้องต้นได้มีการประชาสัมพันธ์รายละเอียดโครงการดังกล่าว ผ่านกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด พร้อมประกาศในเว็บไซต์เพื่อให้สาธารณะได้รับรู้ในวงกว้างแล้ว สำหรับโครงการที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรตินี้ จะมีสิทธิ์เสนอขอรับทุนสนับสนุนจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ตามหลักเกณฑ์ โดยผู้สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันวัฒนธรรมศึกษา โทร. 022470013 ต่อ 1312-4 หรือ www.culture.go.th
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการฯยังได้พิจารณาสนับสนุนให้องค์การวัฒนธรรมและศิลปะหน้ากากนานาชาติ (International Mask Arts & Culture Organization-IMACO) สาธารณรัฐเกาหลี ดำเนินการผลักดันผ่านรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี เป็นผู้เสนอ “วัฒนธรรมหน้ากาก” เพื่อขึ้นบัญชีเป็นมรดกทางวัฒนธรรมร่วมกันระหว่างรัฐภาคี ในเรื่อง ละครรำหน้ากากฮาฮเว (Mask Dance Drama of Hahoe) และ ผีตาโขน ของประเทศไทย ตามพันธกรณีของอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ. 2003 ของยูเนสโก อันจะนำไปสู่ความร่วมมือของสองประเทศในการส่งเสริมงานเทศกาลระดับภูมิภาคให้เป็นเทศกาลระดับโลกต่อไป