สพฉ. แจงข้อเสนอปฏิรูปประเทศยังไม่เคาะ “เบอร์ฉุกเฉิน” หมายเลขเดียว ระบุ ยังต้องหารือระหว่างหน่วยงานฉุกเฉิน ทั้งตำรวจ การแพทย์ฉุกเฉิน กู้ภัย และ กสทช. ให้ใช้หมายเลขใด บริหารจัดการอย่างไร ปลดล็อกการระบุจีพีเอสผู้โทร. หรือไม่ ด้าน รมว.สธ. แจงหลายเรื่องต้องหารือก่อนเดินหน้าตามแผนปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข
วันนี้ (19 เม.ย.) นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการประกาศแผนปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข ว่า สธ. รับทราบแผนปฏิรูปดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการประกาศแผนปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขอย่างเป็นทางการ แต่ความเป็นจริง คือ อาจไม่ได้ดำเนินการตามทั้ง 100% เนื่องจากต้องนำข้อเสนอแผนปฏิรูปด้านสาธารณสุข ซึ่งมีหลายเรื่องหลายประเด็นมาหารือในรายละเอียดกันก่อนว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่อย่างไร ซึ่งอะไรที่สามารถขับเคลื่อนได้ก็สามารถดำเนินการได้เลย ส่วนประเด็นข้อเสนอการตั้งคณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติ หรือซูเปอร์บอร์ดนั้น เป็นการบูรณาการตัดสินใจด้านนโยบายสุขภาพ ซึ่งหลักการคือ ต้องไม่กลายเป็นคอขวดที่จะทำให้ทุกอย่างล่าช้าลง สำหรับข้อทักท้วงว่าแผนปฏิรูปไม่มีภาคประชาชนร่วมนั้น ตนมองว่าคณะกรรมการปฏิรูปก็มีหลากหลาย
ด้าน ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวถึงแผนปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข เรื่อง ระบบการแพทย์ฉุกเฉินช่วงก่อนถึงโรงพยาบาล ที่เสนอให้จัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินหมายเลขเดียว โดยออกร่าง พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นข้อเสนอของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ซึ่งโดยหลักการก็เห็นพ้องต้องกันว่าควรมีศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินหมายเลขเดียว แต่ยังไม่มีข้อสรุปออกมาว่าจะใช้หมายเลขใด ซึ่งจะต้องมาหารือกันอีกครั้งหนึ่งก่อน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทางเคยมีข้อเสนอว่าให้ใช้หมายเลข 191 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งเป็นเรื่องด้านความปลอดภัยเป็นหมายเลขเดียว ส่วนทาง สพฉ. เคยเสนอให้ใช้หมายเลข 112 ซึ่งตรงนี้ต้องรอฟังชัดเจนอีกครั้ง
“ปัจจุบันหมายเลขฉุกเฉินมีเป็นจำนวนมาก ซึ่งการตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินหมายเลขเดียวนั้น ผมมองว่าจะเป็นหมายเลขใดก็ได้ทั้งนั้น และข้อเสนอการปฏิรูปก็ไม่ได้ระบุว่าต้องใช้หมายเลขใด แต่คีย์เวิร์ดสำคัญคือต้องมีการบูรณาการกันของหน่วยงานด้านฉุกเฉินทั้งหมด ทั้งในส่วนของตำรวจ การแพทย์ฉุกเฉิน และอุบัติภัยต่างๆ ทั้งนี้ คงต้องมีการมาหารือกันก่อนระหว่างหน่วยงานด้านเหตุฉุกเฉินทั้งหมด รวมไปถึงสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ด้วย ซึ่งหลังจากมีการประกาศแผนปฏิรูปตรงนี้ออกมา ก็คงต้องเริ่มมีการหารือกันว่าจะดำเนินการเรื่องศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินหมายเลขเดียวอย่างไร” ร.อ.นพ.อัจฉริยะ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเสนอให้ใช้หมายเลข 112 เป็นหมายเลขเดียวในการรับแจ้งเหตุ เพราะสามารถระบุจีพีเอสหรือตำแหน่งของผู้โทรศัพท์ได้ ร.อ.นพ.อัจฉริยะ กล่าวว่า ปัจจุบันการโทร. แจ้งเหตุฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือหรือเบอร์โทรศัพท์บ้านก็ยังไม่สามารถระบุตำแหน่งของผู้โทร.ได้ เนื่องจากทาง กสทช. ยังไม่ได้ปลดล็อกในส่วนนี้ มีเพียงการดทรศัพท์ผ่านแอปพลิเคชันเท่านั้นที่สามารถระบุตำแหน่งของผู้โทรศัพท์ในสถานที่เกิดเหตุได้ ยกตัวอย่าง แอปพลิเคชัน EMS1669 ของ สพฉ. หากโทร.ผ่านแอปพลิเคชันดังกล่าวก็จะระบุตำแหน่งที่เกิดเหตุหรือผู้โทร.เข้ามาได้ทันที แต่หากโทร.ด้วยโทรศัพท์มือถือปกติก็จะระบุไม่ได้ อย่างไรก็ตาม อย่างที่บอกว่าไม่ว่าจะเป็นหมายเลขใดที่จะเป็นหมายเลขเดียวในการรับแจ้งเหตุ หากจะกำหนดให้มีการระบุพิกัดของผู้โทร. นั้น กสทช. ซึ่งบริหารจัดการเรื่องคลื่นความถี่ต่างๆ ทั้งหมดก็ต้องปลดล็อกตรงนี้ก่อน ซึ่งก็คงต้องมีการหารือกันในรายละเอียดว่าศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินหมายเลขเดียวจะเป็นอย่างไร มีการบริหารจัดการอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับสายด่วนมีมติให้ใช้หมายเลข 112 เป็นหมายเลขกลางในการโทร. แจ้งเหตุฉุกเฉินในแต่ละประเทศ เนื่องจากเห็นว่าการจะจำสายด่วนของแต่ละประเทศได้ทั้งหมดเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติหากประสบเหตุฉุกเฉินต้องการขอความช่วยเหลือในต่างแดนจึงเป็นเรื่องยาก ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นสมาชิก ITU เช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมา กสทช. ได้ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ใช้หมายเลข 112 เป็นสายด่วนครอบคลุมทุกความฉุกเฉินในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. 2557 ขาดแต่หน่วยงานหลักที่จะมาดำเนินการ ขณะที่โทรศัพท์มือถือทุกรุ่นขณะนี้สามารถ โทร.สายด่วนฉุกเฉิน 112 ได้ แม้จะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีซิมการ์ด เพราะผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือผลิตออกมรองรับระบบ 112 กันทั้งหมดแล้ว คงต้องจับตาดูว่าการหารือระหว่างหน่วยงานฉุกเฉินทั้งหมด และ กสทช. จะมีการผลักดันหมายเลข 112 เป็นศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินหมายเลขเดียวหรือไม่