รพ.ราชวิถี ตั้ง คกก. สอบข้อเท็จจริง เจ้าหน้าที่ธุรการ ขับเก๋งสวิฟท์แดงไม่หลีกทางรถพยาบาล จนผู้ป่วยเสียชีวิต เล็งเชิญคนขับรถพยาบาลเข้าให้ข้อมูลด้วย เผยคุยกับเจ้าตัวเบื้องต้น บอกไม่ชินเส้นทาง ปกติไม่ค่อยขับรถ ประกอบกับตกใจ ได้ตักเตือนไปแล้ว ระบุยังมาทำงานปกติ แต่มีอาการเหมือนอยากร้องไห้
จากกรณีคลิปวิดีโอรถซูซูกิ สวิฟท์ สีแดง ขับรถไม่ให้ทางรถพยาบาลฉุกเฉิน ของโรงพยาบาลครบุรี จ.นครราชสีมา โดยขณะที่กำลังแซงรถเก๋งคันดังกล่าวได้เปิดกระจกพร้อมกับคนนั่งข้างคนขับหันมามอง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ผู้ป่วยบนรถพยาบาลเสียชีวิต จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก โดยนายภาณุวัฒน์ ศรีเจริญ เจ้าหน้าที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) แฟนหนุ่มของผู้ขับรถยนต์ซูซูกิสวิฟท์ สีแดง อ้างว่าติดรถบรรทุก ทำให้เบี่ยงออกไม่ได้ ขณะที่หญิงสาวคนขับรถซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ รพ.ราชวิถี ได้ออกมาขอโทษถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะไม่หลีกรถ
วันนี้ (11 เม.ย.) นพ.ทัศนชาติ จิตรีธาตุ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านทรัพยากรบุคคล โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ตนรู้สึกไม่สบายใจและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่มีสาเหตุมาจากบุคลากรภายในโรงพยาบาล ถือเป็นเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและไม่สบายใจต่อสังคม ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ผู้บริหาร และทีมทรัพยากรบุคคลได้มีการติดตามข้อมูลทั้งทางโซเชียลมีเดียและสื่อต่างๆ และรีบติดต่อบุคลากรคนดังกล่าวมาสืบหาข้อมูลเพิ่มเติม ยืนยันว่า จะสืบหาข้อเท็จจริงเพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่ายต่อไป
นายเกษมสันต์ สารภี ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล รพ.ราชวิถี กล่าวว่า รพ. ไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องนี้ เมื่อทราบว่าเป็นบุคลากรของโรงพยาบาล โดยเป็นเจ้าหน้าที่ในส่วนของฝ่ายธุรการ ทำหน้าที่ด้านเอกสารต่างๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับส่วนของการแพทย์ฉุกเฉิน หรือการรักษาแต่อย่างใด ก็ได้เชิญเจ้าตัวเข้ามาพบและตักเตือนด้วยวาจา ว่า การกระทำดังกล่าวจะต้องมีการปรับปรุงตัวเอง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการให้ความร่วมมือ การเสียสละ การเอื้อเฟื้อการใช้รถใช้ถนน และการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินในขณะนั้น อย่างไรก็ตาม ในรายละเอียด รพ.ราชวิถี ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว ซึ่งมี นพ.สุกรม ชีเจริญ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ รพ.ราชวิถี เป็นประธาน โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะสังคมเองยังจับตา ซึ่งหลังสงกรานต์จะมีการประชุมของคณะกรรมการเพื่อกำหนดประเด็นสืบข้อเท็จจริง ทั้งเรื่องผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร และพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องผิดทางวินัยด้วยหรือไม่ ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเรื่องผิดวินัยในข้อไหน เป็นวินัยร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงหรือไม่ ส่วนที่ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเรื่องส่วนตัวนั้น ก็ต้องมาดูว่าเกี่ยวข้องกับวินัยข้อไหนอย่างไรหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องรอคณะกรรมการดำเนินการพิจารณาก่อนและต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม
เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับบุคลากรคนดังกล่าวแล้วหรือไม่ สภาพจิตใจเป็นอย่างไร นายเกษมสันต์ กล่าวว่า พูดคุยแล้วมีการสอบถามข้อมูลเบื้องต้นถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หลักๆ เท่าที่คุยกัน คือ ไม่ชินเส้นทาง มีความกลัวเพราะรถมาจี้ และปกติไม่ค่อยได้ขับรถ ทั้งนี้ รพ. ได้ตักเตือนเบื้องต้นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องมารยาทการใช้รถใช้ถนน สภาพจิตใจค่อนข้างแย่ แต่ยังมาทำงานตามปกติ แต่จากการพูดคุยก็ดูเหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลา
นพ.ทัศนชาติ กล่าวว่า เราพยายามทำให้บรรยากาศการทำงานเป็นปกติ เพราะงานต้องดำเนินไปตามระเบียบวินัย ส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริง คณะกรรมการก็สืบค้นข้อมูลออนไลน์ ทุกสื่อ และข้อมูลจากตัวบุคลากรเราเอง ขาดส่วนประกอบอื่นๆ เช่น ข้อมูลส่วนผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ที่ยังไม่มี คงบอกยากว่าผิดจริยธรรมเฉยๆ หรือผิดวินัย ให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งคงจะมีการเชิญมาให้ข้อมูลชัดเจนยิ่งขึ้นที่เกี่ยวข้อง เช่น คนขับรถพยาบาล โดยการสืบข้อเท็จจริงนี้เป็นคนละส่วนกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีกับบุคลากร ซึ่งทาง รพ. และเจ้าหน้าที่ก็พร้อมให้ความร่วมมือ
