หากเอ่ยถึง “เบตง” หลายคนจะนึกถึงอาหารอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์พื้นถิ่น แหล่งท่องเที่ยวที่ธรรมชาติบรรจงสร้างไว้อย่างสวยงาม สิ่งเหล่านี้เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาเยือนเบตง จ.ยะลา
อนุชิต ตระกูลมุทุตา ผู้ว่าราชการ จ.ยะลา เล่าว่า ยะลา มีความหลากหลายทางด้านศาสนาและวัฒนธรรมที่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ส่งยิ้มให้กัน ทั้งชาวไทยเชื้อสายจีน ไทยมุสลิมและไทยพุทธ ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดนักท่องเที่ยวมีหลายจุด แต่ที่นิยมมากที่สุดคือในตัวเมืองยะลาและ อ.เบตง เช่นวัดถ้ำคูหาภิมุข โดยมีพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ประดิษฐานภายในถ้ำ นักท่องเที่ยวจะเข้าไปกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวยังตื่นตากับความงดงามของหินงอกหินย้อยด้วย
นอกจากนั้นยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งใหม่อย่างเขานาแก้ว ที่พร้อมให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสทะเลหมอกและชมทัศนียภาพที่งดงามของตัวเมืองยะลาและผังเมืองที่ถูกขนานนามว่าสวยที่สุดในประเทศไทยและติดอับดับโลก ด้วยการออกแบบเชิงระบบที่ได้มาตรฐานจนได้รับรางวัลมากมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวเมืองยะลาภูมิใจและสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน
ส่วน อ.เบตง เมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อหลายแห่ง ซึ่งนับว่าเป็นเพชรเม็ดงามเลยก็ว่าได้ เพราะด้วยภูมิประเทศที่งดงามเป็นเมืองที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาทำให้อากาศสดชื่นและมีหมอกตลอดทั้งปี สมดั่งคำขวัญ “เมืองในหมอก ดอกไม้งาม ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน” และเป็นเมืองดาวรุ่งที่รัฐบาลกำลังให้ความสำคัญในการพัฒนาทั้งด้านการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ
จะว่าไปแล้ว อ.เบตง เป็นหนึ่งในเมืองสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ ประกอบด้วย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี อ.สุไหง-โกลก จ.นราธิวาส และ อ.เบตง จ.ยะลา พื้นที่พัฒนาพิเศษให้มีการลงทุนที่สามารถสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ ให้เป็นเมืองต้นแบบของการพึ่งพาตนเอง ดังนั้นรัฐบาลจึงได้ให้ความสำคัญในหลายๆ เรื่องโดยเฉพาะการคมนาคม ในขณะนี้กำลังดำเนินการก่อสร้างสนามบินเบตง จะแล้วเสร็จภายในปี 2562 และเปิดใช้ได้ในปี 2563 อย่างไรก็ตาม ถ้าสนามบินเบตงเปิดให้บริการคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจาก 1 แสนคน / ปี อาจจะเพิ่มขึ้นถึง 1 ล้านคน / ปี
อนุชิต กล่าวต่อว่า เศรษฐกิจที่กำลังจะขยายตัวขึ้นเราต้องเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและสถานที่เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นด้วย โดยความได้เปรียบของเมืองเบตงที่ล้อมไปด้วยภูเขาทำให้สามารถเห็นทะเลหมอกได้ตลอดทั้งปี รวมถึงความหลากหลายทางศาสนสถานที่โชว์ความโดดเด่นเป็นสัญลักษณ์ของแต่ละเชื้อชาติ อย่างเช่น วัดกวนอิมเบตงของชาวไทยเชื้อสาวจีน มัสยิดกลางของชาวไทยมุสลิมและวัดพุทธาธิวาสของชาวไทยพุทธ นับเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจของชาวเบตงที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว
นอกจากนั้นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติหลายแห่งที่เป็นจุดเด่น เช่น สวนไม้เมืองหนาว ที่สามารถปลูกดอกไม้เมืองหนาวได้หลายชนิดและได้รับการส่งเสริมให้จัดงานดอกไม้งามที่เบตง โดยการปลูกดอกทิวลิปให้บานที่เบตงเป็นครั้งแรกและจะมีการสนับสนุนให้จัดงานอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี บ่อน้ำร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่นิยมไปแช่เพื่อความผ่อนคลาย โดยเปิดให้เข้าใช้บริการฟรี ทะเลหมอกไอเยอร์เวง ที่มีหมอกตลอดทั้งปีและจะมีการสร้างสกายวอล์คยื่นออกไปเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสไอหมอกอย่างเต็มที่ และถัดออกไปไม่ไกลก็จะมีสถานที่ล่องแก่งสำหรับผู้ที่ชอบความท้าทาย
เบตง มีเสน่ห์ด้านการท่องเที่ยวทางธรรมชาติแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นที่ไม่ควรพลาด ก็คือลิ้มรสอาหารที่เป็นเอกลักษณ์อย่างไก่เบตง ที่มีรสชาติเฉพาะตัวและสามารถสร้างรายได้ถึงวันละ 85,000 บาท ในงานแสดงสินค้าโอท็อป ที่ กทม. ผักน้ำที่สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลายชนิดแต่ที่นิยมกันคือนำมาผัด ซึ่งความพิเศษของผักน้ำจะต้องปลูกในพื้นที่ที่มีน้ำไหลผ่านและต้องใสสะอาด ปลากือเลาะห์ หรือปลาพวงชมพู ซึ่งเป็นปลาท้องถิ่นที่หายากและมีราคาสูงกว่า 1,500 บาทต่อกิโลกรัม นอกจากนี้ยังมี เคาหยก ที่มีรสชาติต้นตำหรับด้วยขั้นตอนการทำอย่างพิถีพิถัน และหมี่เบตงสุดยอดของหมี่ที่ได้ลองชิมแล้วจะติดใจ
“ตั้งใจจะพัฒนาการท่องเที่ยวให้เป็น “อะเมซิ่งเบตง เสน่ห์ยะลา” ที่มีทั้งเสน่ห์ของสถานที่ท่องเที่ยวและอาหารพื้นถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติอยากมาสัมผัสบรรยากาศและลิ้มลองอาหารขึ้นชื่อของทั้งเมืองยะลาและ อ.เบตง ซึ่งจ.ยะลามีดีหลายอย่างที่ต้องมาสัมผัสสักครั้ง และเมื่อได้มาแล้วจะติดใจและอยากกลับมาอีกอย่างแน่นอน” ผู้ว่าราชการ จ.ยะลา กล่าว