ปัตตานี - ชาวบ้านอำเภอเบตงผู้ไร้ที่ทำกินกว่า 100 คน เดินทางไปวัดทรายขาว ต.ทรายขาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เพื่อ ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรี ให้จัดสรรที่ทำกิน หลังมีพื้นที่ราชพัสดุกว่า 1,400 ไร่ ถูกนายทุนยึดครองมาหลายสิบปี
วันนี้ (4 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มชาวบ้านจากสมาคมผู้ไม่มีที่ดินทำกิน-อาศัย ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา จำนวนกว่า 100 คน รวมตัวกันเดินทางเพื่อขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม ในกรณีการจัดสรรที่ทำกินในพื้นที่ ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา โดยได้นำเอกสารการแสดงรายชื่อบุคคล จำนวนกว่า 300 ฉบับ และข้อเรียกร้องขอการจัดสรรที่ทำกิน เพื่อยื่นให้แก่นายกรัฐมนตรี
และได้ให้แกนนำเข้ายื่นหนังสือ พร้อมชี้แจงข้อเรียกร้องภายในวัดทรายขาว ต.ทรายขาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ที่นายกรัฐมนตรี เดินทางมา ซึ่งจากการสอบถามถึงที่มาของเหตุการณ์ในการเรียกร้องขอความเป็นธรรมในการจัดสรรพื้นที่ทำกินดังกล่าว ทราบว่า ในพื้นที่หมู่ที่ 2 บ้านบ่อน้ำร้อน ต.ตาเนาะแม่เราะ อ.เบตง จ.ยะลา มีพื้นที่ราชพัสดุจำนวนกว่า 1,400 ไร่ โดยมี นายวีระวัฒน์ วัฒนายากร เป็นผู้ทำสัญญาเช่าพื้นที่ดังกล่าวต่อธนารักษ์ จ.ยะลา
ที่ผ่านมา ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ที่ 2 ได้ร่วมกันจัดตั้งสมาคมผู้ไร้ที่อยู่อาศัยและที่ทำกินขึ้น เพื่อเป็นการรวมตัว และขอความเป็นธรรม เพื่อยื่นหนังสือให้ทางจังหวัดได้พิจารณาเพื่อไม่ให้ผู้เช่ารายเดิมทำสัญญาเช่าต่อ แต่เนื่องจากที่ผ่านมา ชาวบ้านผู้ที่ไม่มีที่อยู่อาศัย และที่ทำกินได้ไปขอแบ่งเช่าพื้นที่เพื่อทำมาหากิน แต่ได้ถูกปฏิเสธจากผู้ทำสัญญาเช่าพื้นที่ต่อธนารักษ์ จ.ยะลา แต่ทางผู้เช่าเจ้าของพื้นที่ดังกล่าวที่ผ่านมาได้แบ่งที่ดินประมาณ 5 ไร่ ให้แก่วัดธรรมกาย ทำการเช่าพื้นที่เป็นเงินหลายล้านบาท ซึ่งทำให้ชาวบ้านเกิดความเห็นว่าไม่มีความเป็นธรรมต่อประชาชนที่จะใช้ประโยชน์ในพื้นที่ราชพัสดุ ซึ่งเป็นที่ดินของหลวง ชาวบ้านจึงได้รวมตัวกัน และเคยได้ทำหนังสือยื่นไปถึง คสช. รวมถึงนายกรัฐมนตรี มาแล้ว แต่เรื่องราวดังกล่าวกลับเงียบหายไป
ซึ่งในวันนี้ นายประเสริฐ เกาะกลาง แกนนำชาวบ้านกล่าวว่า ในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เดินทางมาจังหวัดปัตตานี ทางสมาคมผู้ไร้ที่อยู่อาศัยและที่ทำกินจึงได้รวมสมาชิกกว่า 150 คน เดินทางเพื่อเข้าพบท่านนายกฯ เพื่อยื่นหนังสือดังกล่าว และขอความชัดเจนในการจัดสรรที่ดินทำกินให้แก่ผู้ไร้ที่ดินทำกิน เนื่องจากทางสมาคมฯ ได้เดินเรื่องมากว่า 3 ปีแล้ว ทั้งทางอำเภอเบตง และทางจังหวัดยะลา รวมทั้งหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง แต่เรื่องทั้งหมดกับเงียบไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
“ขณะที่ดินทำกินของสมาชิกบางคนได้ไปขอเช่าพื้นที่ต่อ เพื่อทำกินกลับไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวนั้นมีประโยชน์ทับซ้อนกันมากมาย ชาวบ้านจึงต้องการให้ทางรัฐบาล หรือผู้ที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาถึงความเป็นธรรม และเห็นใจประชาชนที่ไร้ที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน และจัดหาพื้นที่จัดสรรให้ประชาชนผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัย และที่ทำกินได้เช่าตามระเบียบของทางราชการ โดยชาวบ้านทุกคนต่างยินยอมที่จะเช่า เพราะทุกวันนี้แม้จะอยู่ในพื้นที่แต่ก็ไม่มีที่อยู่อาศัย และที่ทำกินของตนเองจำนวนกว่า 400 ครัวเรือน” นายประเสริฐ เกาะกลาง แกนนำชาวบ้าน กล่าว