หมอรังสีห่วงสมุนไพร “หมอแสง” ไม่มีกระบวนการวิจัย อาการดีขึ้นจริงหรือไม่ หายกี่คน ดีขึ้นกี่คน ตายกี่คน รักษาร่วมแผนปัจจุบันหรือไม่ ยันไม่ได้อคติ - ต่อต้านสมุนไพร แต่ควรทำให้ถูก ถามกลับทำไมต้องแจ้งความ หากทำวิจัยปัดความรับผิดชอบกับผู้ป่วยไม่ได้
จากกรณี นายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือ หมอแสง ที่ชาวบ้านเรียก ซึ่งแจกสมุนไพรช่วยผู้ป่วยมะเร็ง จ.ปราจีนบุรี ออกมาเปิดเผยว่า ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “หมอพื้นบ้าน” แล้ว แต่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ระบุว่า ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน เพียงแต่แจ้งว่าเห็นควรเป็น แต่ยังต้องส่งหลักฐานเพิ่มอีก 2 ชิ้น จนหมอแสงประกาศว่าจะไม่มีการแจกสมุนไพรอีก
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ทุกอย่างทำตามระเบียบหลักเกณฑ์ คาดว่า เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน หรือ เข้าใจผิดเรื่องการไม่พิจารณา เพราะเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่า เรื่องนี้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการหมอพื้นบ้าน ว่า เข้าข่ายหมอพื้นบ้าน เหลือการแสดงหลักฐานที่ขาดเพื่อประกอบการพิจารณาเท่านั้น
เมื่อถามว่า นายแสงชัย เหมือนจะข่มขู่ และใช้ผู้ป่วยเป็นตัวประกัน หากไม่รับรองเป็นหมอพื้นบ้าน ภายในวันที่ 20 ก.พ. จะไม่แจกจ่ายสมุนไพร จะกลายเป็นบรรทัดฐานให้คนอยากเป็นหมอพื้นบ้าน ต้องมากดดันกระทรวงหรือไม่ นพ.เจษฎา กล่าวว่า ต้องดูตามบริบท การพิจารณาของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกทำตามข้อบ่งชี้ 8 ข้อ 1. มีผู้รับมารับบริการสม่ำเสมอ และต่อเนื่องเป็นระยะไม่น้อยกว่า 10 ปี 2. สืบทอดความรู้จากบรรพบุรุษ หรือ องค์ความรู้จากท้องถิ่น 3. มีความสามารถในการบำบัดรักษาโรค 4. ไม่หวงวิชา 5. มีการถ่ายทอดความรู้ 6. ไม่เรียกร้องค่ารักษาเกินควร 7. เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากคนในชุมชน และ 8. มีคุณธรรม ยืนยันว่า ไม่มีใครสามารถกดดันได้
นพ.เพชร อลิสานันท์ แพทย์ประจำหน่วยรังสีรักษาและมะเร็งวิทยาแผนกรังสีวิทยา รพ.จุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า ผู้ป่วยมะเร็งทุกคนต้องการความหวังแล้วหมอแสงก็มาตอบโจทย์นี้พอดี สิ่งที่หมอแสงค้นพบในวงการแพทย์เรียกว่า เป็นการเจอสารสักตัวหนึ่งที่คิดว่าน่าจะใช้ได้ เมื่อเจอแบบนี้ก็จะต้องใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อมาพิสูจน์ในห้องทดลอง ในหนูทดลอง และทดลองในมนุษย์ ซึ่งแยกเป็นทั้งคนปกติและผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็งจะต้องมีขั้นตอนพิเศษ เพราะเป็นคนอ่อนไหว อ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ ต้องมีคณะกรรมการขึ้นมาดูแลป้องกันผู้ป่วยกระโจนสู่งานวิจัยทุกอย่างด้วยความหวังที่จะหาย
นพ.เพชร กล่าวว่า กระบวนการเหล่านี้หมอแสงไม่มีเลย แล้วตอนนี้สังคมกำลังโฟกัสผิดจุด ว่า สามารถรักษาได้แล้วทำไมแพทย์แผนปัจจุบันถึงห้าม ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ ไม่ได้จะห้าม แต่อยากให้ดำเนินไปตามครรลองที่ถูกต้องคือ มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ก่อน โดยแบ่งคนไข้ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. คนไข้ที่รักษาไม่หายที่หมอแสงชอบพูดบ่อยๆ ว่า เป็นคนไข้หมดหวังที่ รพ. รักษาไม่หาย ตนเข้าใจว่า หมอทั้งประเทศไม่มีใครคัดค้านหากจะไปหาของที่เป็นความหวัง และ 2. กลุ่มผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างที่สามารถรักษาให้หายได้ น่าเป็นห่วงถ้าไปรักษากับของที่ประสิทธิภาพยังไม่ได้รับการพิสูจน์ก็เป็นการเสียโอกาสในการได้รับการรักษาหาย เพราะเป็นโรคที่แข่งกับเวลา ยิ่งช้ามะเร็งยิ่งลุกลาม และที่หมอแสงบอกว่าให้กลุ่มคนไข้ที่ รพ. ไม่เอาแล้ว แต่ก็ไม่เคยพิสูจน์ ไม่เคยคัดแยกคนไข้ ต้องการแค่ใบรับรองแพทย์ว่าคนไข้เป็นมะเร็ง ซึ่งเป็นอันที่น่าห่วง เพราะที่พูดกับที่ทำไม่เหมือนกัน
เมื่อถามว่า มีผู้รับสมุนไพรหมอแสงไปใช้แล้ว บอกว่าได้ผลดี กินได้ นอนหลับ ทำงานได้ นพ.เพชร กล่าวว่า ก็ต้องไปดู คนไข้ที่เป็นมะเร็งรักษาด้วยการฉายรังสี หรือให้ยาเคมีบำบัด ไม่ได้ให้ผลทันที ต้องรักษาครบ เช่น ฉายรังสีกว่าจะเห็นผลกินเวลา 3 เดือน แต่แน่นอนว่า ช่วงที่รักษานั้นจะแย่ลงจากผลข้างเคียง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพียงอาการชั่วคราว แต่พอหยุดรักษาแล้วไปรับสมุนไพรหมอแสงแล้วบอกว่าได้ผล จริงๆ ถ้าอยู่เฉยๆ เขาก็ดีขึ้น ตนไม่ได้บอกว่าสมุนไพรหมอแสงไม่มีประโยชน์ แต่เพราะไม่รู้เลยต้องมองทั้ง 2 ด้าน ถามว่าหมอแสงเคยติดตามหรือไม่ว่าดีขึ้นกี่คน หายกี่คน ตายกี่คน แล้วคนนั้นใช้การรักษาแผนปัจจุบันร่วมด้วยหรือไม่ ถ้าใช้ร่วมกันแล้วผู้ป่วยดีขึ้นเพราะอะไร คือ ถ้ามองแบบเป็นกลางเพื่อเคลมว่าสมุนไพรหมอแสงดี และได้ผลจริงต้องมีการทดสอบประสิทธิภาพและเปรียบเทียบคนต่อคนไปเลย ซึ่งไม่มี
“เราไม่ได้มีปัญหากับความหวังดีของหมอแสง แต่เรากังวลเรื่องการนำเอาความรู้มาใช้ เพราะไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่จะพิสูจน์ประโยชน์ให้ชัดเจน จะบอกว่าให้ฟรีแล้วไม่มีข้อเสีย ไม่มี ผมถาม 2 - 3 คำถาม คนไข้ต้องมาขอใบรับรองแพทย์มากขึ้น รพ. มีภาระงานเพิ่มขึ้น แล้วอีกอย่างในเมื่อแจกฟรีทำไมต้องแจ้งความ แล้วยังระบุว่าห้ามฟ้องร้องหากเกิดเหตุไม่ดี ในมุมกลับกันฝั่งหมอเองหากจะทำวิจัยต้องเขียนให้ชัดเจนว่าหากเกิดเหตุไม่พึงประสงค์จากงานวิจัยนี้ผู้ทำวิจัย หรือสถาบันที่รับผิดชอบต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาคนไข้คนนี้ ซึ่งเป็นกฎข้อบังคับ ดังนั้น การเขียนในใบแจ้งความแบบนี้ไม่ได้ มันผิดหลักการ แต่ถามเรื่องความตั้งใจมันใช่ และวันนี้มันเป็นเรื่องของความตั้งใจล้วน” นพ.เพชร กล่าว และว่า มีคนชอบว่าที่ออกมาพูด เพราะเดี๋ยวบริษัทยาเสียผลประโยชน์ ซึ่งไม่ใช่ แต่พูดด้วยความเป็นห่วงมากกว่า และแพทย์ที่ห่วงใยที่ออกมาพูดส่วนใหญ่เป็นแพทย์ใน รพ. ของรัฐ รับเงินเดือนรัฐ เรื่องผลประโยชน์เป็นอีกเรื่องที่ถูกโยงเข้ามาทำให้คนมองผิดตำแหน่ง
นพ.เพชร กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่ายาครอบจักรวาลไม่เคยมี แต่ถ้าสมุนไพรหมอแสงพิสูจน์ออกมาแล้วว่าได้ผลดี ตนก็ยินดี เพราะไม่ได้อคติกับหมอแสง แต่ติดใจเรื่องกระบวนการได้มามากกว่า จะมาสรุปโดยที่ยังไม่มีการรับรองไม่ได้ สมุนไพรเป็นแค่ช่วงต้นของการพัฒนา ยาแผนปัจจุบันหลายตัวก็สกัดจากสมุนไพร แต่ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้องมาแล้ว และไม่ได้มีปัญหากับการใช้สมุนไพร เพราะปัจจุบันก็ใช้อยู่แล้วในกลุ่มโรคไม่ซับซ้อน เช่น เป็นหวัดควรกินฟ้าทะลายโจร ท้องอืดควรกินขมิ้นชัน หมอแผนปัจจุบันสั่งยาพวกนี้อยู่แล้ว เห็นประโยชน์ชัดเจน แต่โรคมะเร็งเป็นโรคที่ซับซ้อน โรคยาก วิธีการที่ได้มาของยา หรือการรักษาที่ผ่านการพิสูจน์เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีจริงๆ เพราะมีเวลาจำกัด ปล่อยไว้โรคก็โต มีเคสผู้ป่วยมะเร็งไปกินเห็ดหลินจือ นานหลายเดือนจนก้อนมะเร็งโต แทนที่มีโอกาสหายหากได้รับการรักษาก็กลายเป็นว่ารักษาไม่ได้