xs
xsm
sm
md
lg

กรมสุขภาพจิตดึงชุมชนร่วมดูแลผู้ป่วยจิตเวช ลดตีตรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กรมสุขภาพจิต รุกพื้นที่ตำบล ดึงชุมชนมีส่วนร่วมดูแลผู้ป่วยจิตเวช หวังค้นหาผู้ป่วยไว คัดกรองรักษาเร็ว ลดการตีตรา

น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า จากการสำรวจระบาดวิทยาสุขภาพจิตของคนไทยระดับชาติ ปี พ.ศ. 2556 ซึ่งดำเนินการสำรวจต่อเนื่องทุก 5 ปี ในกลุ่มประชากร อายุ 18 ปีขึ้นไป พบว่า คนไทยมีปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวช ประมาณ 7 ล้านคน เช่น เป็นโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล ปัญหาจากการใช้สุราและสารเสพติด ปัญหาการฆ่าตัวตาย อาการทางจิตหลงผิด เป็นต้น กรมสุขภาพจิตจึงได้ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจิตในเชิงรุก ด้วยการอาศัยตำบลจัดการสุขภาพ ซึ่งมีอยู่กว่า 7,000 แห่งทั่วประเทศ ใช้กลไกของ อสม. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะมาช่วยกันวางระบบดูแลสุขภาพจิตชุมชนร่วมกัน ตั้งแต่การตรวจเยี่ยม ประเมิน คัดกรอง และวินิจฉัย ว่า มีปัญหาสุขภาพจิตหรือไม่ ถ้ามีจะให้การช่วยเหลืออย่างไร และถ้าเป็นมากสามารถส่งรักษา ใน รพ.เฉพาะทางได้ ที่สำคัญมีการติดตามผู้ผ่านการบำบัดรักษา เมื่อกลับเข้าสู่ชุมชน ไม่เกิดตราบาป มีที่ยืนในสังคม และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณค่า

นอกจากนี้ ยังได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพจิต (Mental Health Literacy) ซึ่ง ที่ผ่านมา ประชาชนยังไม่เข้าใจ คำว่า สุขภาพจิต โรคทางจิต หรือ โรคจิตเวช มากนัก ว่าแท้จริงแล้วไม่ต่างกับการเจ็บป่วยทางกาย ที่ต้องได้รับการรักษา ไม่ใช่ตราบาป หรือเป็นเรื่องที่น่าละอายแต่อย่างใด และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. นับเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญของระบบสุขภาพที่ใกล้ชิดประชาชน เป็นกำลังสำคัญที่จะไปดูแลสุขภาพในทุกครัวเรือน และเป็นจิตอาสาที่มีจำนวนมากที่สุดในโลก ที่จะช่วยสื่อสารสร้างความรู้ ความเข้าใจไปยังประชาชนในชุมชนได้เป็นอย่างดี กรมสุขภาพจิตจึงได้พัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านเชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตชุมชนขึ้น ด้วยการติดอาวุธความรอบรู้ด้านสุขภาพจิตให้กับพวกเขา อาทิ ให้รู้ว่าโรคทางจิตเป็นอย่างไร จะสามารถวิเคราะห์ ประเมิน หรือคัดกรองได้อย่างไร ตลอดจน จะให้การดูแลช่วยเหลือ นำเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาได้อย่างไร ทั้งนี้ เมื่อผ่านการอบรมแล้ว อสม. ทุกคนจะได้เข้าไปเยี่ยมบ้าน ซึ่งจะทำให้เรามั่นใจได้ว่า คนในชุมชนตั้งแต่ปฐมวัย วัยเรียน วัยรุ่น วัยทำงาน และวัยสูงอายุ จะได้รับการประเมิน คัดกรอง ดูแลช่วยเหลือ และส่งต่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาได้อย่างทันท่วงที โดยในปีนี้ได้ดำเนินการในตำบลนำร่อง 878 อำเภอ ทั่วประเทศ และตั้งเป้าหมายให้มี อสม.เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตชุมชนให้ครบทุกตำบล ภายในปีหน้า

“การจะทำให้งานสุขภาพจิตชุมชนสามารถดำเนินไปได้ด้วยดี หัวใจสำคัญอยู่ที่ประชาชน ที่ต้องร่วมกันวิเคราะห์ถึงปัญหาสุขภาพจิต นำมาสู่การแก้ไขและใช้มาตรการด้านสุขภาพจิตในการป้องกันและรักษา ตลอดจนมีความรู้ความเข้าใจทางด้านสุขภาพจิต รู้ว่าเมื่อไรเรียกว่าสุขภาพจิตไม่ดี แล้วควรทำอย่างไร รักษาได้หรือไม่และที่ไหน เหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่สุดที่จะทำให้ประชาชนสามารถจัดการกับปัญหาสุขภาพจิตของตัวเองและคนรอบข้างได้” น.ต.นพ.บุญเรือง กล่าวและว่า ทั้งหมดนี้ เป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญที่กรมสุขภาพจิตมุ่งมั่นและตั้งใจทำ เพื่อให้ประชาชนคนไทย เป็น “Smart Citizen” ที่มีคุณภาพ สมบูรณ์ทั้งกายและใจ มีสติปัญญาที่ดี อารมณ์ดี และมีความสุข อยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณค่าและมีศักดิ์ศรี
กำลังโหลดความคิดเห็น