xs
xsm
sm
md
lg

คัดกรองสายตาเด็ก ป.1 นครปฐม พบผิดปกติ 4% เร่งตัดแว่นแก้ไขเสริมการเรียน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“รพ.เมตตาประชารักษ์” เผยผลคัดกรองสายตาเด็ก ป.1 หลังรุก 3 อำเภอ จ.นครปฐม ทั้ง สามพราน - นครชัยศรี - พุทธมณฑล พบเด็กนักเรียนภาวะสายตาผิดปกติ และต้องใส่แว่นถึงร้อยละ 4 ระบุ เป็นโครงการที่ดีช่วยเด็กสายตาบกพร่องได้รับการแก้ไข

พญ.สายจินต์ อิสีประดิฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กล่าวว่า โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ ภายใต้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ร่วมขับเคลื่อนเพื่อทำให้ “เด็กไทยสายตาดี เพิ่มโอกาสการเรียนรู้” ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ของรัฐบาล โดยที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กำหนดเป้าหมายการตรวจคัดกรองสายตาเด็กนักเรียนชั้น ป.1 ในโรงเรียนทุกสังกัดทั่วประเทศ ในปี 2559 และ 2560 รวม 1.04 ล้านคน พร้อมมอบแว่นสายตาให้กับเด็กที่มีสายตาผิดปกติฟรีจำนวน 43,000 คน ทั้งนี้ เพื่อให้การคัดกรองสายตาเด็กเป็นไปอย่างครอบคลุมและทั่วถึง จึงได้มีการประสานกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อให้ครูและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ร่วมคัดกรองสายตาเด็ก พร้อมกับมีการจัดอบรมพัฒนาศักยภาพและกลไกในการคัดกรองเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย

พญ.สายจินต์ กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดนครปฐมที่ผ่านมาได้มีการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพและกลไกเพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการแก่ครูและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัด โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดราชบุรี ร่วมกับศูนย์อนามัยที่ 5 ราชบุรี เพื่อคัดกรองสายตาให้กับเด็กนักเรียนชั้น ป.1 ตามนโยบายนี้ ซึ่งโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์รับเป็นหน่วยบริการส่งต่อเพื่อแก้ไขปัญหาสายตาให้กับเด็กนักเรียนที่พบความผิดปกติทางสายตาใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามพราน นครชัยศรี และพุทธมณฑล

ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานคัดกรองและแก้ไขปัญหาสายตาเด็กนักเรียนชั้น ป.1 ใน 3 อำเภอข้างต้นนี้ ได้มีเด็กเข้าร่วมการคัดกรองทั้งสิ้น 1,872 คน ซึ่งจากการคัดกรองซ้ำโดยบุคลากรสาธารณสุข ในจำนวนนี้พบเด็กมีปัญหาสายตาผิดปกติ 204 คน หรือร้อยละ 10.90 ส่วนอีกจำนวน 1,668 คน หรือร้อยละ 89.10 มีภาวะสายตาเป็นปกติ โดยในกลุ่มเด็กที่พบความผิดปกติของสายตานั้นได้เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ 158 คน ในจำนวนนี้พบความผิดปกติ 92 คน หรือร้อยละ 58.23 แยกเป็นกลุ่มที่มีภาวะสายตาสั้น สายตาเอียง และสายตายาว (Refractive error) จำนวน 78 คน มีภาวะตาเข ตาเหล่ (Strabismus) จำนวน 3 คน และความผิดปกติสายตาอื่นๆ อีกจำนวน 11 คน โดยมีนักเรียนชั้น ป.1 ได้รับแว่นในโครงการ 69 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 3.6 ของกลุ่มนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด

“จากการดำเนินนโยบายนี้ในพื้นที่อำเภอสามพราน นครชัยศรี และ พุทธมณฑล ซึ่งได้มีการคัดกรองสายตาโดยครูและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข พร้อมกับได้รับการวินิจฉัยภาวะสายตาโดยโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ พบเด็กนักเรียนชั้น ป.1 ที่มีปัญหาสายตาและจำเป็นต้องใส่แว่นตาถึงจำนวน 69 คน หรือประมาณร้อยละ 4 ของเด็กที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งนับเป็นอัตราที่สูงมาก โครงการนี้จึงเป็นโครงการที่ดี เนื่องจากช่วยให้เด็กเหล่านี้ได้รับการแก้ไขปัญหาสายตา ซึ่งจะทำให้เด็กเหล่านี้มองเห็นชัดเจนทั้งในการเรียน การเล่น และทำกิจกรรมต่างๆ ในบ้าน ส่งผลให้ผลการเรียนดีขึ้น รวมถึงการพัฒนาการด้านต่างๆ ในอนาคตดีขึ้นด้วย” ผอ.โรงพยาบาลเมตคาประชารักษ์ กล่าว

ด้าน นพ.ชูชัย ศรชำนิ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า การตรวจคัดกรองและแก้ปัญหาสายตาในเด็ก บอร์ด สปสช. ที่มี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน เป็นหนึ่งในนโยบายที่สำคัญของ สปสช. ในเรื่องส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้เป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต ตามนโยบายประเทศไทย 4.0 โดยอนุมัติบรรจุอยู่ในสิทธิประโยชน์ด้านการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพื่อให้เด็กได้รับการดูแลด้านสุขภาพ เริ่มต้นตั้งแต่ในปี 2559 เป็นต้นมา นอกจากคัดกรองสายตาแล้วยังได้ร่วมกับสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีในการจัดหาแว่นตาให้กับเด็กนักเรียนจำนวน 20,000 อัน และในปี 2560 นี้ ยังได้เพิ่มแว่นสายตาเป็นจำนวน 25,000 อัน พร้อมขยายความร่วมมือไปยังองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการแก้ไขปัญหาสายตาในเด็กนักเรียนที่มีภาวะสายตาผิดปกติ

“โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์เป็นหนึ่งในหน่วยบริการที่ได้ดำเนินโครงการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สะท้อนให้เห็นถึงเด็กไทยกลุ่มหนึ่งที่มีภาวะสายตาผิดปกติที่เข้าไม่ถึงการรักษา ปีงบประมาณ 2560 - 2561 จะได้ขยายผลไปสู่เด็กนักเรียนชั้น ป.1 ทั่วประเทศต่อไป และด้วยผลดำเนินการโครงการนี้นอกจากทำให้เด็กไทยเหล่านี้ได้รับการคัดกรองและแก้ไขปัญหาสายตาที่ผิดปกติแล้ว ยังส่งผลต่อการพัฒนาที่ดีของเด็กๆ ซึ่งจะเติบโตเป็นประชากรที่มีคุณภาพของประเทศต่อไป” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น