xs
xsm
sm
md
lg

อบ “เซานา” ทำร้าย “กระจกตา” ได้ เหตุรับความร้อนมาก-นานเกินไป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จักษุแพทย์ เผย “อบเซานา” กระทบกระจกตาได้ เหตุรับความร้อนมากหรือนานเกินไป ชี้ อาการเบื้องต้นมักเจ็บตา น้ำตาไหล มองเห็นแย่ลง หรือลืมตาไม่ขึ้น แนะหลับตาบ่อยๆ เลี่ยงกระจกตารับไอร้อน

นพ.ไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข จักษุแพทย์โรงพยาบาลราชวิถี และอดีตประธานราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันประชาชนมีความกังวลเรื่องแสงไฟ ว่า จะมีอันตรายกับดวงตา ซึ่งจริงๆ แล้วแสงไฟที่สว่างจ้า มักจะไม่มีอันตรายกับดวงตา แต่เคยพบรายงานในต่างประเทศที่มีการระบุว่ามีคนตาบอดจากแสงที่สะท้อนจากหิมะตกที่ทำให้ทุกพื้นที่เป็นสีขาว จนส่งผลให้รังสีอัลตราไวโอเลตสะท้อนเข้าตา ซึ่งแสงที่สะท้อนเข้าตานั้น จะส่งผลให้มีปัญหากับกระจกตา จนบางรายถึงขั้นตาบอด ดังนั้น หากเราไปเที่ยวในประเทศที่มีหิมะตก ก็ควรมีความระมัดระวัง เพราะถ้าไม่ระมัดระวังดวงตาก็อาจได้รับอันตรายได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับในประเทศไทยแสงที่อันตราย จะมีเพียงกลุ่มเดียว คือ กลุ่มของคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับการเชื่อมเหล็ก เพราะแสงจากการเชื่อมเหล็กนั้น จะมีผลต่อกระจกตาโดยตรง หากไม่ใส่แว่นตากรองแสงขณะเชื่อมเหล็ก จะได้รับผลกระทบกับดวงตาแบบเฉียบพลัน เพราะผิวกระจกตาถูกทำลายตั้งแต่น้อยไปจนถึงมาก เช่น น้ำตาไหล แสบตา ลืมตาไม่ขึ้น ตาอักเสบ เป็นต้น

นพ.ไพศาล กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังพบว่าอุณหภูมิความร้อนก็มีกระทบกับดวงตาได้ เพราะเคยพบผู้ป่วยมีปัญหาดวงตาได้รับผลกระทบ จากการเข้าอบเซานา และเป็นการแสดงผลแบบเฉียบพลัน โดยอาการเบื้องต้นที่พบ คือ เจ็บตา น้ำตาไหล การมองเห็นแย่ลง หรือบางรายถึงขั้นลืมตาไม่ขึ้น เพราะฉะนั้นผู้ที่นิยมอบเซานาควรระมัดระวังให้มาก เพราะหากดวงตาโดนไอร้อนมากๆ หรือนานๆ จะมีผลต่อผิวของกระจกตาได้ ซึ่งระยะเวลาและปริมาณความร้อนนั้น จะขึ้นอยู่ที่แต่ละบุคคลไม่สามารถระบุได้ว่าดวงตาจะได้รับความร้อนที่อุณหภูมิเท่าใด หรือต้องใช้เวลานานเพียงใด ถึงจะส่งผลกระทบต่อดวงตา อย่างไรก็ตาม หากกังวลว่าดวงตาจะได้รับผลกระทบจากการเซานา ก็ให้พยายามหลับตาบ่อยๆ เวลาเข้าเซานา เพราะกระจกตาเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน จึงไม่ควรให้โดนความร้อนนานๆ แต่ปัญหานี้มักไม่เกิดกับคนที่ดูแลดวงตาดีๆ ต่อให้ไปอบเซานาบ่อยก็ไม่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม หากมีความระคายเคืองตา ไม่ว่าจากสาเหตุใดควรไปพบจักษุแพทย์โดยตรง ไม่ควรซื้อยาหยอดตามาใช้เอง เนื่องจากบางครั้งยาหยอดตาที่ซื้อมาหยอดเอง อาจมีสารสเตียรอยด์ ซึ่งหากหยอดไปนานๆ จะมีอันตรายและกลายเป็นต้อหินได้

“ส่วนการที่ประชาชนมีความกังวลว่าดวงตาจะได้รับผลกระทบไฟจากหน้ารถที่ส่องเข้ามาในดวงตาขณะที่ขับรถสวนกันนั้น ขอให้สบายใจได้ เพราะปกติแล้วไฟหน้ารถจะไม่มีผลกับสายตา เนื่องจากเป็นการได้รับเพียงไม่นาน ส่วนในรายที่เมื่อมองไฟที่หน้ารถแล้วเกิดอาการตาพร่ามัว มองเห็นไฟในลักษณะของดวงไฟที่ต่างไปจากเดิม เช่น โดยปกติจะเห็นไฟเป็นวงกลม แต่เรากลับเห็นเป็นลักษณะไฟแตกกระจาย ก็ควรไปรับการตรวจสายตา เพราะอาจจะเป็นสัญญาณเตือนของโรคต้อกระจกได้ หรือในรายที่ทำต้อกระจกมาแล้วเลนส์อาจจะขุ่น ทำให้แสงแตกกระจายการเห็นภาพแย่ลง เป็นต้น

ทั้งนี้ ในส่วนของไฟหน้ารถที่สวนกันนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นอันตรายในด้านของอุบัติเหตุมากกว่า เพราะในขณะที่รถขับผ่านกัน ไฟจากรถจะทำให้เรามองไม่เห็น แต่โดยปกติเราก็ไม่ควรจ้องแสงไฟหน้ารถนานๆ อยู่แล้ว” นพ.ไพศาล กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น