ดร.นพ.จรุง เมืองชนะ ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงประกอบพระราชกรณียกิจสำคัญที่มีพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ต่อพสกนิกรชาวไทยมากมายหลายด้าน รวมทั้งพระราชกรณียกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุข พระองค์ทรงตระหนักและให้ความสำคัญกับการป้องกันโรคแก่คนไทยโดยใช้วัคซีนมากว่า 60 ปี โดยในปี 2493 ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างตึกผลิตวัคซีนป้องกันวัณโรค (บีซีจี) พร้อมพระราชทานนามตึกนี้ว่า “มหิดลวงศานุสรณ์” ซึ่งเป็นการตั้งต้นผลิตวัคซีนใช้เองในประเทศ
ถัดมาในปี 2495 เกิดการระบาดร้ายแรงของโรคไขสันหลังอักเสบ (โปลิโอ) ทำให้เด็กไทยจำนวนมากที่ป่วยมีความพิการทางแขนและขา พระองค์ทรงพระราชทานทุนแรกเริ่ม และได้รับเงินโดยเสด็จพระราชกุศลจำนวนมากสำหรับจัดตั้ง “กองทุนโปลิโอสงเคราะห์” เพื่อก่อสร้างตึกวชิราลงกรณ์ธาราบำบัด โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดซื้อเครื่องมือและพระราชทานไปยังโรงพยาบาลศิริราชเพื่อรองรับการรักษาพยาบาลและก่อตั้ง “สถานบำบัดโปลิโอ” ในโอกาสนี้ด้วย
ดร.นพ.จรุง กล่าวอีกว่า ต่อมาในปี 2501 พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งทุนสงเคราะห์ผู้ประสบภัยจากอหิวาตกโรค เพื่อจัดหาวัคซีนป้องกัน และทรงพระราชทานทุนทรัพย์จำนวน 2 แสนบาทให้สภากาชาดไทย จัดซื้อเครื่องมือผลิตวัคซีนเพิ่มขึ้น ทำให้ประเทศไทยสามารถผลิตวัคซีนได้มากขึ้นและเพียงพอในการป้องกันและควบคุมการระบาด นอกจากนี้ยังสามารถผลิตวัคซีนป้องกันโรคอื่นได้ด้วย เช่น ไข้ทรพิษ ไข้รากสาดน้อย เป็นต้น
“พระราชกรณียกิจที่ได้อัญเชิญมานี้แสดงถึงพระวิสัยทัศน์ในการวางรากฐานการพัฒนาประเทศในด้านการแพทย์และการสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีศักยภาพในการผลิตวัคซีนที่มีความจำเป็นใช้เองในประเทศได้อย่างเพียงพอ ทำให้คนไทยทุกคนรอดพ้นจากโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน นับเป็นปฐมบทของการพึ่งพาตนเอง และสร้างความมั่นคงให้แก่ประเทศด้านวัคซีน ด้วยสำนึกและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ ในการนี้สถาบันวัคซีนแห่งชาติขอน้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาดำเนินงานด้านวัคซีนให้มีความก้าวหน้าสืบต่อไป” ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีน ระบุ
ดร.นพ.จรุง กล่าวต่อว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้กำหนดให้การพัฒนา “วัคซีน” เป็นวาระแห่งชาติ โดยมีสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เป็นหน่วยงานกลางประสานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนการวิจัยพัฒนา การผลิต การจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น และการพัฒนาบุคลากรอย่างเป็นระบบ เพื่อการพึ่งตนเองและความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศภายใน 10 ปี (พ.ศ.2554 - 2563) ตามคำประกาศวาระแห่งชาติด้านวัคซีน เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บที่สามารถป้องกันได้
ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีน กล่าวด้วยว่า สำหรับแผนการดำเนินงานโครงการในวาระแห่งชาติด้านวัคซีน ปีงบประมาณ 2560 ประกอบด้วย โครงการต่างๆ ในหลายด้าน อาทิเช่น (1) ด้านการวิจัยพัฒนาและการผลิต ได้แก่ การพัฒนาวัคซีน ไข้สมองอักเสบเจอีชนิดเชื้อเป็น การผลิตวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน การผลิตวัคซีนผสม คอตีบ บาดทะยัก ไอกรน และตับอักเสบบี การวิจัยพัฒนาเพื่อการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไอกรนชนิดไร้เซลล์ การวิจัยพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออกสู่ระดับอุตสาหกรรม (2) ด้านการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ได้แก่ คลังเก็บวัคซีนมาตรฐานของภูมิภาค โรงงานผลิตวัคซีนระดับกึ่งอุตสาหกรรมมาตรฐานการผลิตที่ดี( GMP) ศูนย์ทรัพยากรชีวภาพทางการแพทย์ เพื่องานวิจัยพัฒนาวัคซีน (3) ด้านการพัฒนาบุคลากรอย่างเป็นระบบ
“สถาบันวัคซีนแห่งชาติ จะน้อมนำพระราชปณิธาน เป็นเข็มมุ่งเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่การพึ่งตนเองและเกิดความมั่นคงด้านวัคซีน สร้างหลักประกันว่าประชาชนจะมีวัคซีนที่จำเป็นใช้อย่างพอเพียงและทั่วถึง ทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน ตลอดจนการเป็นผู้นำทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพด้านวัคซีนในภูมิภาคต่อไป” ดร.นพ.จรุง กล่าวในตอนท้าย
(ข่าวที่ประชาสัมพันธ์)
ถัดมาในปี 2495 เกิดการระบาดร้ายแรงของโรคไขสันหลังอักเสบ (โปลิโอ) ทำให้เด็กไทยจำนวนมากที่ป่วยมีความพิการทางแขนและขา พระองค์ทรงพระราชทานทุนแรกเริ่ม และได้รับเงินโดยเสด็จพระราชกุศลจำนวนมากสำหรับจัดตั้ง “กองทุนโปลิโอสงเคราะห์” เพื่อก่อสร้างตึกวชิราลงกรณ์ธาราบำบัด โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดซื้อเครื่องมือและพระราชทานไปยังโรงพยาบาลศิริราชเพื่อรองรับการรักษาพยาบาลและก่อตั้ง “สถานบำบัดโปลิโอ” ในโอกาสนี้ด้วย
ดร.นพ.จรุง กล่าวอีกว่า ต่อมาในปี 2501 พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งทุนสงเคราะห์ผู้ประสบภัยจากอหิวาตกโรค เพื่อจัดหาวัคซีนป้องกัน และทรงพระราชทานทุนทรัพย์จำนวน 2 แสนบาทให้สภากาชาดไทย จัดซื้อเครื่องมือผลิตวัคซีนเพิ่มขึ้น ทำให้ประเทศไทยสามารถผลิตวัคซีนได้มากขึ้นและเพียงพอในการป้องกันและควบคุมการระบาด นอกจากนี้ยังสามารถผลิตวัคซีนป้องกันโรคอื่นได้ด้วย เช่น ไข้ทรพิษ ไข้รากสาดน้อย เป็นต้น
“พระราชกรณียกิจที่ได้อัญเชิญมานี้แสดงถึงพระวิสัยทัศน์ในการวางรากฐานการพัฒนาประเทศในด้านการแพทย์และการสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีศักยภาพในการผลิตวัคซีนที่มีความจำเป็นใช้เองในประเทศได้อย่างเพียงพอ ทำให้คนไทยทุกคนรอดพ้นจากโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน นับเป็นปฐมบทของการพึ่งพาตนเอง และสร้างความมั่นคงให้แก่ประเทศด้านวัคซีน ด้วยสำนึกและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ ในการนี้สถาบันวัคซีนแห่งชาติขอน้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาดำเนินงานด้านวัคซีนให้มีความก้าวหน้าสืบต่อไป” ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีน ระบุ
ดร.นพ.จรุง กล่าวต่อว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้กำหนดให้การพัฒนา “วัคซีน” เป็นวาระแห่งชาติ โดยมีสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เป็นหน่วยงานกลางประสานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนการวิจัยพัฒนา การผลิต การจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น และการพัฒนาบุคลากรอย่างเป็นระบบ เพื่อการพึ่งตนเองและความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศภายใน 10 ปี (พ.ศ.2554 - 2563) ตามคำประกาศวาระแห่งชาติด้านวัคซีน เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บที่สามารถป้องกันได้
ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีน กล่าวด้วยว่า สำหรับแผนการดำเนินงานโครงการในวาระแห่งชาติด้านวัคซีน ปีงบประมาณ 2560 ประกอบด้วย โครงการต่างๆ ในหลายด้าน อาทิเช่น (1) ด้านการวิจัยพัฒนาและการผลิต ได้แก่ การพัฒนาวัคซีน ไข้สมองอักเสบเจอีชนิดเชื้อเป็น การผลิตวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน การผลิตวัคซีนผสม คอตีบ บาดทะยัก ไอกรน และตับอักเสบบี การวิจัยพัฒนาเพื่อการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไอกรนชนิดไร้เซลล์ การวิจัยพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออกสู่ระดับอุตสาหกรรม (2) ด้านการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ได้แก่ คลังเก็บวัคซีนมาตรฐานของภูมิภาค โรงงานผลิตวัคซีนระดับกึ่งอุตสาหกรรมมาตรฐานการผลิตที่ดี( GMP) ศูนย์ทรัพยากรชีวภาพทางการแพทย์ เพื่องานวิจัยพัฒนาวัคซีน (3) ด้านการพัฒนาบุคลากรอย่างเป็นระบบ
“สถาบันวัคซีนแห่งชาติ จะน้อมนำพระราชปณิธาน เป็นเข็มมุ่งเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่การพึ่งตนเองและเกิดความมั่นคงด้านวัคซีน สร้างหลักประกันว่าประชาชนจะมีวัคซีนที่จำเป็นใช้อย่างพอเพียงและทั่วถึง ทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน ตลอดจนการเป็นผู้นำทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพด้านวัคซีนในภูมิภาคต่อไป” ดร.นพ.จรุง กล่าวในตอนท้าย
(ข่าวที่ประชาสัมพันธ์)
