เราต้องยอมรับว่า ภายหลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทำให้เกิดกระแสตื่นตัวของประชาชนคนไทยอย่างมาก ในการอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการทำ “ความดี” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวง ถือเป็นคุณูปการแก่สังคมไทยยิ่งนัก
ผู้คนจำนวนมากยอมเปลี่ยนชีวิตตัวเองทันที บางคนพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง บางคนได้รับแรงบันดาลใจ ฯลฯ ภายหลังได้เห็นถึงโครงการในพระราชดำริ และพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน ซึ่งตลอดระยะเวลา 70 ปี ที่ทรงงานหนัก และทรงทุ่มเทพระวรกาย ก็เพื่อประชาชนคนไทยอย่างแท้จริง
อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นกระแสตื่นตัวอย่างมาก คือ การใช้ชีวิต “พอเพียง” ซึ่งพระองค์ท่านทรงเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุด
รวมไปถึงแบบอย่างที่พระองค์ท่านได้รับการเลี้ยงดูมาจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) ถึงความรักระหว่างแม่ลูกที่เรียบง่าย อบอุ่น ลึกซึ้ง และทรงคุณค่ายิ่ง
นับเป็นพระราชจริยวัตรที่งดงามยิ่ง
ทำให้อดไม่ได้ที่จะย้อนกลับมามองชีวิตของพ่อแม่ยุคนี้ที่เลี้ยงดูลูก เป็นความรักที่ตกอยู่ในกระแสทุนนิยมหรือไม่ และดูเหมือนจะห่างไกลคำว่า “พอเพียง” ไปมาก
ฉบับนี้ จึงอยากชวนพ่อแม่มาทบทวนชวนคิด และปรับเปลี่ยนวิธีเลี้ยงลูกแบบพอเหมาะและพอดี ให้ได้รับแบบอย่างจากพระองค์ท่าน
ประการแรก - คุณเป็นพ่อแม่ที่เมื่อลูกลืมตาดูโลก ก็สุดแสนจะทะนุถนอม พยายามสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ เครื่องใช้เครื่องมือสำหรับเลี้ยงลูกก็ต้องดีที่สุด ใครบอกว่าอะไรดีก็จัดเต็ม ไม่ว่าจะแพงแค่ไหน แต่สำหรับลูกยอมจ่ายทุกอย่าง
ถ้าใช่...ลองปรับมาเป็นทะนุถนอมด้วยความรัก และเลือกใช้อุปกรณ์ หรือเครื่องใช้ที่พอเหมาะ และเท่าที่จำเป็นก็พอ เช่น แทนที่จะใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ก็ใช้ผ้าอ้อมผ้า ซึ่งสามารถนำมาซักและเอากลับไปใช้ได้อีก หรืออุปกรณ์ทันสมัยทั้งหลาย ลองคิดดูว่าเมื่อก่อนมันก็ไม่มี แล้วเขาใช้อะไรกัน พยายามตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่าจำเป็นจริงหรือ ถ้าไม่ต้องมี สามารถใช้อย่างอื่นแทนได้ไหมก่อนทุกครั้ง
ประการที่สอง - คุณเป็นพ่อแม่ที่เมื่อลูกเข้าสู่วัยเตาะแตะ แล้วต้องหาสิ่งของเครื่องใช้ใหม่ ๆ ตลอดหรือเปล่า หรือถ้าเป็นของเล่นก็ต้องเป็นของดีมียี่ห้อ หรือไฮเทคโนโลยีสุด ๆ เสื้อผ้าก็ต้องแบรนด์เนมเท่านั้น
ถ้าใช่..ลองปรับมาเป็นใช้ตัวของพ่อแม่เป็นของเล่นชิ้นพิเศษของลูก แล้วจะพบว่าลูกชอบมากกว่าของเล่นราคาแพงอย่างแน่นอน ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ รวมไปถึงเสื้อผ้าควรเลือกใช้ที่พอเหมาะกับลูกมากกว่า เพราะเด็กวัยนี้โตเร็วมาก ควรจะคำนึงถึงความคุ้มค่าด้วย ไม่ใช่ใช้เพียงครั้งสองครั้งก็ใช้ไม่ได้แล้ว
ประการที่สาม - คุณเป็นพ่อแม่ที่เมื่อลูกต้องเข้าสู่รั้วโรงเรียน ก็ต้องเลือกโรงเรียนที่มีชื่อเสียงเท่านั้น หรือต้องให้ลูกเรียนหลายภาษาหรือไม่ ต่อให้ต้องจ่ายค่าเทอมแพง ๆ หรือโรงเรียนอยู่ไกลแค่ไหน ขอให้มีชื่อเสียงเป็นพอ บางคนถึงขนาดกู้หนี้ยืมสิน เพื่อให้ลูกได้เรียนโรงเรียนนี้เท่านั้น
ถ้าใช่..ลองปรับมาเป็นเลือกโรงเรียนให้ลูกในระดับดีใกล้บ้านจะดีกว่าไหม จะได้มีเวลาอยู่ใกล้ลูกมากขึ้น ได้ทำกิจกรรมมากขึ้น และสามารถฝึกทักษะชีวิตอื่น ๆ ให้กับลูกได้ด้วย
ทั้งสามประการ เป็นแค่เพียงตัวอย่างเท่านั้น ความจริงเรื่องเลี้ยงลูกมีมากมายหลายเรื่องที่คนเป็นพ่อแม่ยุคนี้ ทุ่มเทและปรารถนาให้ลูกได้พบเจอแต่สิ่งดี ๆ แต่ทว่าสิ่งที่ดีในความหมายของพ่อแม่ อาจจะเป็นการทำร้ายลูกแบบรู้ไม่เท่าทัน
เพราะเป็นธรรมดาที่พ่อแม่รักลูก ปรารถนาจะให้สิ่งดี ๆ กับลูก แต่ความรักความปรารถนาที่มีให้ลูก ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องใช้เงินในการซื้อหา หรือแลกมาเท่านั้น
อย่าลืมว่า สิ่งที่พ่อแม่ทำในวันนี้ คือแบบอย่างของลูกในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน
ถ้าเราเห็นว่าแนวทางการใช้ชีวิตของในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นแบบอย่างที่ดี เราต้องลงมือปฏิบัติด้วยจึงจะเกิดผล
เป็นการบูชาพระองค์ด้วยปฏิบัติบูชา !
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่