“สุริยะใส” เทิดทูนเรื่องราว “ในหลวง รัชกาลที่ ๙” สร้างแรงบันดาลใจขนาดใหญ่ของคนไทย จนเป็นพลังแผ่นดิน แนะรัฐบาลวางยุทธศาสตร์ชาติตามแนวปรัชญาพึ่งตนเอง เสนอ ศธ.-สถาบันศึกษาสังเคราะห์เป็นศาสตร์เรียนรู้อย่างจริงจัง ห่วงเลือนหายเป็นแค่ไฟไหม้ฟาง
วันนี้ (30 ต.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) แสดงความเห็นว่าในขณะนี้ปวงชนชาวไทยกำลังเรียนรู้พระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กันอย่างจริงจัง เพราะมีการนำมาเผยแพร่ของสื่อมวลชนอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะโครงการในพระราชดำริกว่า 4,500 โครงการที่พระองค์ท่านทรงงานด้วยพระองค์เองมาตลอดรัชสมัยนั้นเป็นโครงข่ายขนาดใหญ่ทั่วประเทศและมีอยู่ในทุกจังหวัด จึงเป็นสิ่งที่สังคมควรได้เรียนรู้และลงมือทำกันอย่างจริงจังเพราะพระราชกรณียกิจเหล่านี้ล้วนเป็นความพยายามของพระองค์ที่จะให้ปวงชนชาวไทยพึ่งพาตนเอง มีความพอเพียงและเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งซึ่งถือเป็นหัวใจของการพัฒนาที่ยั่งยืน
นายสุริยะใสกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาสังคมไทยวิ่งตามลู่วิ่งการพัฒนาในแนวทางทุนนิยมสุดโต่งจนคนยากคนจนคนส่วนใหญ่ของประเทศตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ทำให้สังคมอ่อนแอ ตกอยู่ในกับดักความเหลื่อมล้ำมายาวนาน กลายเป็นประเทศที่กำลังพฒนาแต่สะเปะสะปะไร้ทิศทางและเป้าหมายที่ขัดเจน ในโอกาสนี้รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ ควรร่วมกับสถาบันการศึกษาหรือมหาวิทยาลัยทั่วประเทศร่วมกันศึกษาสังเคราะห์และต่อยอดโครงการพระราชดำริ และแนวพระราชดำรัสในด้านต่างๆ และจัดเป็นหมวดหมู่ หรือเป็นกลุ่มศาสตร์วิชาความรู้บรรจุในหลักสูตรทั้งในระดับโรงเรียนและมหาวิทยาลัย โดยเชื่อมโยงกับกระบวนการเรียนรู้จริงผ่านโครงการต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วประเทศ
นายสุริยะใสยังกล่าวว่า นอกจากนี้ปรัชญาการพัฒนาแบบพึ่งตนเอง หรือเศรษฐกิจพอเพียง เราควรลงมือทำกันอย่างจริงจังเป็นนโยบายระดับชาติ โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนผ่านและช่วงขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศยิ่งต้องอัญเชิญพระราชดำรัสและโครงการต่างๆ ของในหลวงมาเป็นยุทธศาสตร์ชาติ บรรจุเป็นนโยบายเป็นแผนการพัฒนาที่มีในหลวงเป็นแรงบันดาลใจและมีต้นแบบที่จับต้องได้จากการทรงงานอย่างหนักของพระองค์ท่าน คนไทยไม่เคยมีแรงบันดาลใจร่วมกันได้มากมายขนาดนี้ จึงไม่ควรปล่อยให้พลังแผ่นดินที่มีอยู่จริง เสื่อมสลายไปตามกาลเวลาหรือไม่ใช่แค่พูดๆ กันแต่เปลือกฉาบฉวยวูบวาบตามตามวาระคล้ายๆ ไฟไหม้ฟางแล้วก็เลือนหายไปเหมือนที่ผ่านๆ มา