xs
xsm
sm
md
lg

“ทุนนิยม สังคมไทย”

เผยแพร่:   โดย: วิทยา วชิระอังกูร

ผมอ่านพบเสียงบ่นเสียงตีโพยตีพายเสียงโวยวายก่นด่าการเอารัดเอาเปรียบแบบปลาใหญ่ไล่กินปลาเล็กอะไรทำนองนี้ ในซีกโลกโซเชียลมีเดียมากมายและตลอดมา

ผมเองก็เคยเขียนต่อต้านแมคโคร โลตัส และเซเว่น อีเลฟเว่นมาพักหนึ่งนานมาแล้ว ร่วมกับขบวนการรักโชห่วย ในห้วงเวลาเริ่มต้นที่เห็นขบวนการขายปลีกขายส่งยักษ์ใหญ่เริ่มแผ่ขยายจากเมืองกรุงสู่ภูมิภาคและชนบท เขียนต่อต้านคัดค้านจนแมคโคร โลตัส และเซเว่น อีเลฟเว่นแพร่กระจายไปทุกมุมเมืองทั่วประเทศอย่างที่เห็นกันอยู่ใน

ทุกวันนี้ ผมจึงกลับมานั่งสงบสติอารมณ์ค่อยๆ คิดใหม่แล้ว ก็ค่อยๆ เกิดความเข้าใจว่า เมื่อประเทศนี้เลือกที่จะใช้ระบบเศรษฐกิจทุนนิยม ก็ย่อมเป็นการยากที่จะไปสกัดกั้นการไหลบ่าของทุนใหญ่ ทุนต่างชาติ ทุนข้ามชาติ ที่เป็นการทำมาหากินตามปกติของระบบทุนนิยม และผมก็เริ่มได้คิดว่า แทนที่คนไทยส่วนหนึ่งจะมัวแต่ตีโพยตีพายร้องแรกแหกกระเชอ ซึ่งก็เสียเวลาเปล่าเพราะไม่ต่างจากเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงที่มีแต่เหนื่อยแรงโดยไม่ส่งผลอันใดเลย เราน่าจะต้องหันกลับมาเผชิญกับความเป็นจริง และอยู่กับมันให้ได้อย่างมีสติและปัญญา คงต้องยอมรับความจริงว่าคนไทยส่วนหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นส่วนใหญ่ด้วยก็เริ่มคุ้นชินกับความสะดวกสบายในการใช้บริการของทุนยักษ์ใหญ่เหล่านั้นจนกลายเป็นสิ่งปกติของสังคมไทยไปแล้ว

ตราบใดที่ประเทศนี้ยังยอมรับและใช้ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเสรี (ขอย้ำว่า ทุนนิยม หรือสังคมนิยม เป็นระบบเศรษฐกิจ ไม่ใช่ระบบการเมืองนะครับ) เราก็ไม่สามารถที่จะไปกีดกันการลงทุนในทุกระดับที่ทำตามขั้นตอนและกฎเกณฑ์ กฎหมายที่รัฐเป็นผู้กำหนด

สังคมไทยในปัจจุบันจึงมีปัญหาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะทางหนึ่งต้องมุ่งส่งเสริมภาคธุรกิจให้สามารถไปแข่งขันในเวทีโลก อีกทางหนึ่งก็ต้องพะวงกับการแก้ไขปัญหาความยากจนที่เป็นพื้นฐานของประชาชนในประเทศ ซึ่งดูเหมือนจะฉุดดึงกันไปมาแบบอีหลักอีเหลื่อชอบกล ซึ่งก็คลับคล้ายกับที่ผมเคยคิดสงสัยว่า ทำไมประเทศนี้ต้องเลือกระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่ไม่สอดคล้องกับพื้นฐานสังคมอุปถัมภ์ที่หยั่งรากลึกมานาน

และทำไมต้องเลือกใช้ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเสรี ที่รู้ว่าจะต้องเกิดการเอารัดเอาเปรียบกันอย่างรุนแรงระหว่างทุนใหญ่กับพื้นฐานความยากจนของสังคมไทย ก็ขอฝากคำถามนี้ไปให้กูรูทางการเมืองและกูรูทางเศรษฐศาสตร์ ได้ช่วยกันขบคิดและหาทางออกที่ถูกต้องเป็นธรรมให้แก่มหาชนชาวสยามด้วยเถิด

วันนี้ไม่มีบทกวี ขออัญเชิญพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นอนุสติสำหรับคนไทยทุกคน

พระราชดำรัส พระราชทานในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 4 ธันวาคม 2517

“...ทั้งนี้ คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา จะว่าเมืองไทยล้าสมัย ว่าเมืองไทยเชย ว่าเมืองไทยไม่มีสิ่งที่สมัยใหม่ แต่เราอยู่พอมีพอกิน และขอให้ทุกคนมีความปรารถนาที่จะให้เมืองไทยพออยู่พอกิน มีความสงบ และทำงานตั้งจิตอธิษฐาน ตั้งปณิธานในทางนี้ที่จะให้เมืองไทยอยู่แบบพอมีพอกิน ไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรืองอย่างยอด แต่ว่ามีความพออยู่พอกิน มีความสงบเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกินนี้ได้ เราก็จะยอดยิ่งยวดได้ ประเทศต่างๆ ในโลกนี้กำลังตก กำลังแย่ กำลังยุ่ง เพราะแสวงหาความยิ่งยวดทั้งในอำนาจ ทั้งในความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ทางอุตสาหกรรม ทางลัทธิ

ฉะนั้น ถ้าทุกท่านซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีความคิดและมีอิทธิพล มีพลังที่จะทำให้ผู้อื่นซึ่งมีความคิดเหมือนกัน ช่วยกันรักษาส่วนรวมให้อยู่ดีกินดีพอสมควร ขอย้ำ พอสมควร พออยู่พอกิน มีความสงบ ไม่ให้คนอื่นมาแย่งคุณสมบัตินี้จากเราไปได้ ก็จะเป็นของขวัญวันเกิดที่ถาวร ที่จะมีคุณค่าอยู่ตลอดกาล...”

ทรงพระเจริญ พระพุทธเจ้าข้า
กำลังโหลดความคิดเห็น