xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยวแบบไม่เหมือนใครในวันชาติจีนที่เซี่ยงไฮ้/สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ฉบับนี้ยังขออนุญาตนำเรื่องราวตอนที่สองของประสบการณ์เด็กหนุ่มวัย 18 ปี ชื่อว่า “สรวง สิทธิสมาน” หรือ “เฉินเทียนอี้” ที่ต้องไปใช้ชีวิตในดินแดนมังกรมาแบ่งปันอีกตอนนะคะ

ภายหลังจากที่เขาใช้ชีวิตที่เมืองเซี่ยงไฮ้ได้หนึ่งเดือน และในช่วงวันชาติจีน วันสำคัญของชาวจีนที่ผู้คนส่วนใหญ่จะออกไปเที่ยวกันขวักไขว่ เรียกว่า สถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่งเต็มไปด้วยผู้คนจากทั่วสารทิศ ในห้วงเวลานั้นเขากลับเลือกไปเที่ยว “สลัม” ตามคำชวนของรุ่นพี่ และกลายมาเป็นประเด็นที่มีมุมมองของเหรียญสองด้านในมหานครเมืองใหญ่

นี่คือเรื่องเล่าจากจีน…
………………………………………………
หลังจากอยู่เซี่ยงไฮ้มาได้เดือนหนึ่งเต็ม ๆ ผมก็ได้ท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่าง ๆ พอสมควร ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวระดับอลังการอยู่มากมาย เนื่องจากเป็นเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจอันดับต้น ๆ ของประเทศจีน ทำให้มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีและสุขอนามัยอย่างรวดเร็ว รวมถึงการท่องเที่ยวทั้งกลางวันและกลางคืน เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่หนาวจัด และไม่ร้อนจัด ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาตลอดทั้งปี เรียกได้ว่า เป็นมหานครที่ไม่หลับไหล ไม่แพ้มหานครนิวยอร์คของสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว

วันที่ 2 ตุลาคมที่เป็นวันครบรอบ 1 เดือนที่ผมย้ายมาเรียนที่นี่ยังคงอยู่ในช่วงเทศกาลวันชาติจีนเป็นวันหยุดยาวประจำปี ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวเซี่ยงไฮ้อย่างล้นหลามตามสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตต่าง ๆ มากมายเปรียบเสมือนกับมดแตกรังเลยทีเดียว จนมีเพื่อน ๆ พี่ ๆ หลายคนแนะนำว่าอย่าออกไปเที่ยวเชียวนะ
แต่สุดท้ายผมก็ยังออกไป…..

เนื่องจากก่อนหน้านั้นมีรุ่นพี่กำลังเรียนปริญญาเอกมาชวนให้ออกไปเที่ยวกัน แต่เป็นในสถานที่ที่คนไม่เลือกที่จะไปกัน นั่นก็คือ ย่านชุมชนที่อยู่อาศัยของคนจนในเซี่ยงไฮ้ หรือภาษาบ้านเราเรียกรวม ๆ ว่า “ชุมชนแออัด” หรือ “ชุมชน...” ชื่อต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมายเช่นกัน ทราบว่า เป็นการเปลี่ยนคำเรียกจากเดิมในอดีตว่า “สลัม” ที่ใช้ทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า “Slum” ที่มีความหมายถึงแหล่งเสื่อมโทรม สถานที่ไม่น่าอยู่ นั่นเอง

ถ้าเป็นคนอื่น พอได้รับคำชวนอย่างนี้ก็คงจะถามกลับไปว่าจะไปทำไม

แต่ผมกลับตอบตกลงทันทีโดยไม่ต้องมีคำถาม เพราะสำหรับผมแล้ว นี่เป็นการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และที่สำคัญ การท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ในสถานที่ใหม่ ๆ ที่แตกต่างออกไปจากที่คนทั่วไปเที่ยวกัน แน่นอนว่า เราก็จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ แปลก ๆ แตกต่างจากคนทั่วไปด้วยเช่นกัน

พวกเราเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานีหนึ่งในย่านชุมชนที่อยู่อาศัย ที่มองผ่าน ๆ แล้วส่วนมากจะเป็นคอนโดหรูที่มีค่าเช่าแพงเป็นหลักหลายหมื่นหยวนต่อเดือน แน่นอน นั่นไม่ใช่เป้าหมายของเรา

ก็น่าแปลกใจที่จุดหมายปลายทางของเราอยู่ในย่านนี้เช่นเดียวกัน…

เชื่อหรือไม่ว่าจากจุดที่พอจะเรียกว่า “สลัม” ซึ่งมีค่าเช่าห้องราว 400 - 500 หยวน (ประมาณ 2,000 - 2,500) ต่อหนึ่งเดือน พอมองไปรอบ ๆ แล้ว ที่นี่ถูกรายล้อมด้วยตึกที่พักอาศัยที่มีค่าเช่าห้องเป็นหลายหมื่นหยวนต่อเดือน เดินห่างกันไม่กี่ก้าวชีวิตช่างแตกต่างกันมากขนาดนี้เลยทีเดียว ราวกับเอานรกมาตั้งอยู่ท่ามกลางสวรรค์อะไรอย่างนั้น

ที่นี่ทำให้ผมนึกถึงมหานครนิวยอร์คที่เพิ่งเคยไปเยือนเมื่อปีที่แล้ว โดยมี อาหมู - ยุทธนา ลิ้มเลิศวาทีเป็นมัคคุเทศก์กิตติมศักดิ์พาเดินไปทั่ว

นิวยอร์กได้ชื่อว่าเป็นมหานครที่ซึ่งรวมสวรรค์และนรกเอาใว้ในที่เดียวกัน

คงจะเช่นเดียวกับมหานครเซี่ยงไฮ้แห่งนี้

ระหว่างที่ผมเดินดูสภาพที่พักอาศัยของคนจนแห่งนี้ ก็ทำให้นึกถึงเมื่อตอนที่ได้มีโอกาสไปร่วมเป็นอาสาสมัค รพอ.สว. บนดอยในเขตอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ กับกลุ่มแพทย์เดินดอยของ พอ.สว. (มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี) เพียงแต่เปลี่ยนสถานที่จากบนดอยมาเป็นกลางเมืองเท่านั้น

ในมหานครใหญ่อย่างเช่น นิวยอร์ก หรือ เซี่ยงไฮ้ นี้ ก็เปรียบเสมือนต้นไม้สูงใหญ่ ที่มีผลไม้สีสันสวยงามและหวานอร่อย ทำให้มีคนมากมายต้องการจะปีนขึ้นไปเก็บเอาผลไม้เหล่านั้น คนที่ปีนถึงยอดและเก็บผลไม้นั้นได้คือคนที่ประสบความสำเร็จในการต่อสู้แข่งขัน ในขณะเดียวกัน คนที่ปีนไม่ถึงก็ต้องตกลงมาบาดเจ็บ ในที่นี้คนที่จะปีนขึ้นไปถึงก็มีเพียงไม่ถึงครึ่งเท่านั้น

สวรรค์และนรกเป็นของคู่กัน เมื่อมีสวรรค์ก็ย่อมมีนรก

เมืองที่เจริญแล้วไม่ว่าเมืองไหน ๆ ก็ย่อมมีมุมอับที่ไม่เจริญหูเจริญตาเช่นกัน

เช่นเดียวกับมหานครเซี่ยงไฮ้ที่ผมได้เห็นในวันนี้

แต่เมื่อมาคิดดูอีกที นี่ก็เป็นเพียง “ภาพ” ที่เห็นจากภายนอก และผมเองก็เพียงเห็น “ภาพ” เหล่านี้อย่างผิวเผิน ไม่ว่าภาพ “สวรรค์” หรือภาพ “นรก” แต่ยังไม่สามารถมองทะลุเข้าไปภายใน โดยเฉพาะในชีวิตจริงของผู้คน สวรรค์อาจไม่ใช่สวรรค์ นรกอาจไม่ใช่นรก คำนึงถึงจุดนี้ก็หวลระลึกถึงรอยยิ้มอันแสนใสซื่อและดูมีความสุขของเด็กบนดอยที่อมก๋อยที่มารอรับลูกโป่งบิดจากผม และเข้าคิวให้ผมตัดผมให้ รวมทั้งความรู้สึกพึงใจอย่างประหลาดของตัวผมเองที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นเช่นนั้นมาก่อน

บางทีสวรรค์อาจไม่ได้วัดด้วยความสวยงามความเจริญของอาคารภายนอกที่เราเห็น หากแต่อยู่ลึก ๆ ภายในจิตใจ

เรื่องราวเหล่านี้ ผมยังต้องเรียนรู้อีกมาก




ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่



กำลังโหลดความคิดเห็น