แพทย์เผยคนไทยป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองปีละ 3,000 ราย เพิ่มขึ้น 3 - 4% ต่อปี เหตุมลภาวะ - สัมผัสสารเคมี ชี้ รักษาหายขาดสูงขึ้นอยู่กับระยะที่เป็น หากใช้เคมีบำบัดร่วมยาแอนติบอดีโอกาสหายขาดเพิ่มอีก 15 - 20% ชงบรรจุ “แอนติบอดี” เข้าบัญชียาหลักฯ ช่วยสิทธิบัตรทอง
ศ.นพ.ธานินทร์ อินทรกำธรชัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะประธานชมรมโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแห่งประเทศไทย กล่าวในงานปาฏิหาริย์ เปลี่ยนมะเร็ง ให้เป็นสุข ครั้งที่ 3 ว่า อุบัติการณ์ผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในประเทศไทยอยู่ที่ 10 คนต่อแสนประชากรต่อปี มีผู้ป่วยรายใหม่ปีละราว 3,000 ราย หรือ เทียบเท่า 8 รายต่อวัน แนวโน้มคนป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเพิ่มขึ้น 3 - 4% ต่อปี โดยเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย อาทิ สารเคมีที่ปะปนอยู่ในอาหาร มลภาวะต่าง ๆ รวมถึงการสัมผัสสารเคมี อย่างยาฆ่าแมลง เป็นต้น ซึ่งมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเป็นมะเร็งทางโลหิตวิทยาที่พบบ่อยในประเทศไทย และต่างประเทศ และติดอันดับ 1 ใน 5 ของมะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย
ศ.นพ.ธานินทร์ กล่าวว่า มะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีโอกาสหายขาดสูง หากประชาชนตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ให้รีบเข้ารับการรักษาที่ถูกต้อง อย่าเสียโอกาสในการรักษา ทั้งนี้ ในภาพรวมของโรคสามารถรักษาให้หายขาดได้ร้อยละ 60 แต่หากแยกออกเป็นระยะ คือ เข้ามารับการรักษาตั้งแต่ระยะที่ 1 จะสามารถรักษาหายได้ร้อยละ 80 แต่หากเข้ามาในระยะ 4 ก็จะมีโอกาสหายขาดได้ร้อยละ 30 - 40 ซึ่งทุกระยะที่เป็นมีความหวังที่จะรักษาให้หายขาดได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่หายขาดแพทย์จะนัดมาติดตามอาการปีละครั้ง ทั้งนี้ การรักษาจะเป็นให้ยาเคมีบำบัดเป็นหลัก การฉีดแอนติบอดี และการปลูกถ่ายไขกระดูกในผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อยาเคมีบำบัด หากรักษาด้วยยาเคมีบำบัดร่วมกับการฉีดแอนตีบอดีจะเพิ่มโอกาสการหายขาดราว 15 - 20%
ศ.นพ.ธานินทร์ กล่าวว่า ค่ารักษาพยาบาลหากเป็นการให้ยาเคมีบำบัดครั้งละ 5,000 บาท ทุกสิทธิการรักษาพยาบาลไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่หากเป็นการรักษาด้วยแอนติบอดีอยู่ที่ 60,000 บาทต่อครั้ง ต้องให้ 6 ครั้ง ผู้ป่วยสิทธิข้าราชการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ส่วนประกันสังคมขึ้นอยู่กับ รพ. แต่ละแห่งที่รักษาว่ากำหนดให้เบิกได้หรือไม่ ขณะที่ผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง ไม่สามารถเบิกได้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งพยายามผลักดันให้มีการบรรจุยาแอนติบอดี เข้าในบัญชียาหลักแห่งชาติ เนื่องจากเซลล์มะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่หายขาดได้ เพราะมีการตอบสนองที่ดีกับยาเคมีบำบัดและจะตอบสนองได้ตรงจุดเฉพาะเซลล์มะเร็งชนิดนี้มากขึ้น หากใช้ยาเคมีบำบัดร่วมกับยาแอนติบอดี ซึ่งจะทำให้อัตราการหายขาดเพิ่มขึ้น และอยากให้มีการเพิ่มการรักษาด้วยแอนติบอดีในผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นสิทธิประโยชน์ของบัตรทอง จะช่วยให้ผู้ป่วยที่อยู่ในสิทธินี้ไม่ต้องจ่ายเงินเอง ซึ่งในประเทศเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ กำหนดให้เข้าไปอยู่ในระบบบัญชียาหลักฯ แล้ว นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก ยังระบุด้วยว่า ยาแอนติบอดีเป็นยาจำเป็นสำหรับผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่