“คางคก” พิษร้ายต่อหัวใจ อันตรายถึงตาย!! แพทย์เตือนอย่าเปิบพิสดาร

กรมควบคุมโรคเตือนอย่าเปิบพิสดาร “คางคกย่าง” ชี้ มีพิษร้างแรงต่อหัวใจ ทำให้ถึงตายเช่นเดียวกับแมงกะพรุนกล่อง เผยคนตายจากการกินปลาปักเป้า เห็ดพิษค่อนข้างมาก

วันนี้ (30 ส.ค.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) ให้สัมภาษณ์กรณีพ่อเฒ่าวัย 70 ปี ชาว จ.น่าน 2 ราย เสียชีวิตจากการเปิบเมนูพิสดาร “คางคกย่าง” และมีผู้ป่วยจากการกินอีก 3 ราย ว่า คางคกเป็นสัตว์ที่มีพิษ โดยจะมีต่อมพิษอยู่ใกล้คอเพื่อป้องกันตัวเองจากการถูกทำร้าย หากนำมารับประทานจะทำให้ได้รับพิษปนเปื้อน โดยพิษของคางคกถือเป็นอันตรายต่อระบบหัวใจ ทำให้พิษเกิดอันตรายต่อร่างกายอย่างรวดเร็วและรักษาได้ยาก ทำให้เสียชีวิตอย่างรวดเร็ว เช่น เดียวกับพิษจากแมงกะพรุนกล่อง ที่จะออกฤทธิ์เป็นอันตรายต่อร่างกายภายใน 30 นาที แต่ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณของพิษด้วย ดังนั้น หากรับประทานคางคกเข้าไปแล้วไม่สบาย คลื่นไส้ อาเจียน ถ้ายังมีสติจะต้องทำให้อาเจียนสิ่งที่รับประทานเข้าไปออกมา แต่ถ้าหมดสติให้รีบนำส่งแพทย์พร้อมกับบอกด้วยว่ารับประทานอะไรเข้าไป

“ที่ดีที่สุดคือ อย่ารับประทานคางคก ไม่แนะนำให้รับประทานโดยเด็ดขาด เช่นเดียวกับปลาปักเป้า แมงป่อง และแมงมุม ยิ่งการกินคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยิ่งไม่ควร เพราะจะทำให้ร่างกายดูดซับสารพิษเข้ากระแสเลือดได้เร็วขึ้น ส่วนกรณีที่มีการกินเนื้อไก่ที่ปิ้งในตะแกรงเดียวกับที่ปิ้งคางคกแล้วมีอาการป่วยอาจเป็นเพราะมีพิษปนเปื้อนอยู่ในตะแกรง ขอย้ำว่า ไม่มีวิธีการกินให้ปลอดภัย เพราะไม่แนะนำให้กินเด็ดขาด” รองอธิบดี คร. กล่าว

นพ.โอภาส กล่าวว่า พิษจากสัตว์บางตัวไม่มียาต้านพิษ บางตัวมียาต้านพิษแต่พิษค่อนข้างเร็ว และไม่ได้มียาต้านพิษสำรองไว้ในโรงพยาบาลทุกแห่ง เพราะยามีราคาค่อนข้างแพง จึงจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการรอกว่าที่ยาต้านพิษจะส่งไปถึงโรงพยาบาลแต่ละแห่ง ซึ่งพิษจากคางคก ไม่มียาต้านพิษโดยตรง อย่างไรก็ตาม พบผู้ได้รับพิษจากคางคกไม่มากปีละ 2 - 3 ราย แต่พิษจากสัตว์ที่พบผู้ป่วยบ่อยคือ พิษจากปลาปักเป้า ปีละ 10 ราย และพิษจากแมงกะพรุนที่มีตัวเลขเพิ่มขึ้น ส่วนพิษจากพืชที่พบบ่อย คือ เห็ดพิษมีผู้ได้รับอันตรายปีละหลายร้อยราย และสบู่ดำที่นักเรียนมักนำมารับประทานจนได้รับอันตราย

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่