แพทย์เฉพาะทางบาทเดียว แฉข้อมูลสุขภาพโลกออนไลน์มั่วเยอะ อวดอ้างสรรพคุณสมุนไพรไร้งานวิจัยรองรับ แอบแฝงการค้า ไม่มีที่มาที่ไป อ้างอิงวิทยาศาสตร์เสมือน โน้มน้าวให้เชื่อ ไม่เปิดเผยตัวตน เตือนระวังอย่าเชื่อทั้งหมด ด้าน สสส. มอบโล่แพทย์เฉพาะทางบาทเดียว อาสาทำประโยชน์ให้สังคมผ่านเครือข่ายออนไลน์
เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงานมอบโล่เกียรติคุณ ขอบคุณทีมแพทย์อาสา ในโครงการแพทย์เฉพาะทางบาทเดียว (SOS Specialist) โดยมี นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ รองประธานคณะกรรมการกองทุนฯ คนที่ 2 รศ.นพ.ปัญญา ไข่มุก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. ร่วมแสดงความขอบคุณ ทีมแพทย์อาสา นำโดย นพ.อดุลย์ชัย แสงเสริฐ ผู้รับผิดชอบโครงการ พร้อมทีมแพทย์อาสาในโครงการ ซึ่งเป็นแพทย์เฉพาะทางทั้งหมด 33 ท่าน รวมทั้งหมด 14 สาขาวิชา
นพ. อดุลย์ชัย แสงเสริฐ ผู้รับผิดชอบโครงการ กล่าวว่า โลกยุคดิจิตอลที่โซเชียลเน็ตเวิร์กมีอิทธิพลกับการดำเนินชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ทุกคนสามารถสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว จนเกิดเป็นวิกฤตข้อมูลข่าวสารล้น ขาดการกลั่นกรอง นำมาซึ่งความเข้าใจผิด โดยเฉพาะข้อมูลทางการแพทย์อย่างผิด ๆ และนำไปใช้หรือปฏิบัติตาม อาจทำให้เกิดความเสี่ยงถึงชีวิตได้ จึงเป็นที่มาของโครงการแพทย์เฉพาะทางบาทเดียว โดยการรวมตัวแพทย์จิตอาสาให้บริการตอบคำถามสุขภาพผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ โดยการสนับสนุนของ สสส. เพื่อช่วยลดการรับข้อมูลทางการแพทย์และความเชื่อที่ผิดแต่มักแชร์ต่อกัน โดยสร้างชุดข้อมูลความรู้โรคต่าง ๆ ให้เข้าใจง่ายผ่านอนิเมชัน และอินโฟกราฟิก ให้ข่าวสารกิจกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ www.sosspecialist.com และ Facebook “แพทย์เฉพาะทางบาทเดียว” ที่สำคัญ มีการให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับโรคต่าง ๆ จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโดยตรง 16 ห้องตรวจ 14 สาขาวิชา ซึ่งในรอบ 1 ปี มีประชาชนสอบถามและขอคำแนะนำเป็นจำนวนมากถึง 50,519 คำถาม จากทั้งหมด 10,273 คน ส่วนใหญ่เป็นคำถามจากห้องอายุรกรรมเกี่ยวกับโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง รูมาตอยด์ อัมพาต รองลงมาคือ ห้องเด็ก ห้องสูติ เช่น เรื่องการคุมกำเนิด ประจำเดือน ฯลฯ และห้องจิตเวช
นพ.อดุลย์ชัย กล่าวว่า สำหรับผู้ที่มาปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางบาทเดียว แบ่งเป็น 1. กลุ่มที่มีปัญหาสุขภาพต้องการทราบข้อมูลเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์ 2. กลุ่มที่ผ่านการตรวจรักษาแล้ว แต่ยังมีข้อสงสัย 3. กลุ่มที่ไม่มีเงินไปหาแพทย์ 4. กลุ่มที่ปรึกษาให้กับญาติ เพื่อน หรือคนรอบข้าง 5. กลุ่มที่มีความวิตกกังวลสูง และ 6. กลุ่มคนไทยในต่างประเทศ ซึ่งการให้คำแนะนำปรึกษาลักษณะนี้ ทำให้ประชาชนที่ห่างไกลได้เข้าถึงแพทย์เฉพาะทางในกรุงเทพฯ สามารถรักษาได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น และทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง
“ที่ผ่านมา ข้อมูลข่าวสารทางการแพทย์ที่มักแชร์กันบนโลกออนไลน์ ส่วนใหญ่เป็นการให้ข้อมูลสรรพคุณทางการเกษตร เช่น สารสกัดจากทุเรียนเทศช่วยรักษามะเร็งได้หลายชนิด หมามุ่ยอินเดียกินแล้วลดน้ำหนัก แต่ก็มีเด็กที่กินแล้วเสียชีวิต ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ไม่ระบุถึงงานวิจัยรองรับ ปริมาณของสารสกัดที่เหมาะสม และวิธีการสกัด จากการตรวจสอบต้นทาง ก็พบว่า มาจากแหล่งเพจสินค้าทางการเกษตร และตามด้วยข้อมูลยาลดอ้วน แต่ผู้บริโภคจะรู้โดยตรงว่าเป็นการขายของ ดังนั้น 5 ข้อพึงระวังจากการรับข่าวสารสุขภาพผ่านโซเชียลมีเดีย คือ 1. ข่าวสารที่แอบแฝงการค้า หรือธุรกิจสุขภาพ 2. ข่าวสารที่ไม่มีที่มาที่ไป เพียงแต่บอกว่า “เค้า” บอกมา 3. ข่าวสารที่อ้างอิงวิทยาศาสตร์เสมือน หรือข่าวที่เสมือนวิทยาศาสตร์ 4. ข่าวสารที่เร่งเร้าอารมณ์ หรือความรู้สึกโน้มน้าวให้เชื่อ และ 5. ข่าวสารที่มาจากหมอออนไลน์ที่ไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ดังนั้น ก่อนจะเชื่อควรดูที่มาและพิจารณาข้อเท็จจริงให้ถี่ถ้วน” นพ.อดุลย์ชัย กล่าว
ด้าน นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ รองประธานคณะกรรมการกองทุนฯ คนที่ 2 กล่าวว่า สสส. ได้ให้การสนับสนุนทุนโครงการแพทย์เฉพาะทางบาทเดียว ในโครงการสนับสนุนการสร้างสรรค์สื่อ กิจกรรม และแผนงานการตลาดเพื่อสังคม ภายใต้การดำเนินงานของฝ่ายสื่อสารการตลาดเพื่อสังคม เพื่อสนับสนุนการให้ข้อมูลความรู้ด้านการแพทย์ การดูแลสุขภาพที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน โดยแพทย์เฉพาะทางที่ข้อมูลมีความถูกต้อง น่าเชื่อถือ ที่สำคัญ ทีมแพทย์ที่เข้าร่วมตอบคำถามในโครงการเป็นแพทย์จิตอาสา มีจิตสาธารณะทำประโยชน์โดยการให้ความรู้ด้านสุขภาพที่ถูกต้องผ่านสื่อออนไลน์แก่ประชาชน นับเป็นแบบอย่างที่ดีเป็นโครงการที่สามารถก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนด้านการสร้างเสริมสุขภาวะได้ โดยสามารถลดภาระงานของแพทย์ในโรงพยาบาล ช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการรักษาพยาบาล และลดภาระงบประมาณการรักษาพยาบาลของประเทศ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่