สธ. เดินหน้างานทันตสุขภาพผู้สูงอายุ หวังเพิ่มการเข้าถึงบริการรักษา ป้องกัน และฟื้นฟูสภาพช่องปากร้อยละ 50 หรือ 5.8 ล้านคน ภายในปี 2561 มีสุขภาพช่องปากดีและมีฟันใช้อย่างเหมาะสม ร้อยละ 80
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ ว่า การดูแลสุขภาพช่องปาก เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นส่วนหนึ่งของการมีสุขภาพดีช่วยเสริมคุณภาพชีวิต เพราะปัญหาสุขภาพช่องปาก จะส่งผลต่อระบบอื่น ๆ ของร่างกาย ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าควรส่งเสริมสุขภาพช่องปากในวัยเด็กเท่านั้น แต่ความจริงแล้ววัยสูงอายุก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อร่างกายมีอายุมากขึ้น ระบบการทำงานของอวัยวะในร่างกายต่าง ๆ ก็จะเสื่อมสภาพ รวมทั้งเหงือกและฟันที่อยู่ในช่องปากด้วย ตามกระแสพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยความเป็นห่วงทุกข์สุขของพสกนิกร ว่า “เวลาไม่มีฟัน กินอะไรก็ไม่อร่อย ทำให้ไม่มีความสุข จิตใจก็ไม่สบาย ร่างกายก็ไม่แข็งแรง”
โดยข้อมูลจากการสํารวจทันตสุขภาพระดับจังหวัดปี 2557 ผู้สูงอายุพบว่า มีฟันแท้ที่ใช้เคี้ยวอาหารได้ 20 ซี่ขึ้นไป เพียงร้อยละ 56.9 ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดแผนปฏิบัติการแผนงานทันตสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุประเทศไทย พ.ศ. 2558 - 2561 ภายใต้แผนงานทันตสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุประเทศไทย พ.ศ. 2558 - 2565 เพื่อให้ผู้สูงอายุเข้าถึงการบริการส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟูสภาพช่องปากเพิ่มขึ้น โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2559
นพ.ปิยะสกล กล่าวต่อว่า กลุ่มเป้าหมายดำเนินการตามแผนดังกล่าว จะครอบคลุมทั้งกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มรองคือ ผู้ที่มีอายุ 40 - 59 ปี ตามข้อเสนอของคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2558 โดยมียุทธศาสตร์การดำเนินงาน 4 ข้อ คือ 1. เพิ่มการเข้าถึงบริการทันตสุขภาพจากร้อยละ 34 ในปี 2555 เป็นร้อยละ 50 หรือประมาณ 5.8 ล้านคน และอย่างน้อย 1 จังหวัดของทุกเขตสุขภาพ มีการพัฒนารูปแบบเพื่อแก้ปัญหาสุขภาพในช่องปากผู้สูงอายุอย่างเป็นระบบ เช่น ฟันผุ แผล/มะเร็งในช่องปาก สภาวะน้ำลายแห้ง ฟันสึก โรคปริทันต์ เป็นต้น
2. ศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เพื่อสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ มีการผลิตนวัตกรรม เพื่อการรักษา การฟื้นฟู ป้องกันโรค และความผิดปกติทางทันตกรรม 3. พัฒนาบุคลากรและหลักสูตรด้านทันตกรรมผู้สูงอายุทั้งระดับปริญญาตรี หลักสูตรระยะสั้น ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และ 4. บริหารจัดการ พัฒนาระบบฐานข้อมูล การติดตามประเมินผลอย่างเป็นระบบ เพื่อบรรลุแผนในการทำงาน คือ ภายในปี 2561 ผู้สูงอายุมีสุขภาพช่องปากดีและมีฟันใช้อย่างเหมาะสม ร้อยละ 80
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ ว่า การดูแลสุขภาพช่องปาก เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นส่วนหนึ่งของการมีสุขภาพดีช่วยเสริมคุณภาพชีวิต เพราะปัญหาสุขภาพช่องปาก จะส่งผลต่อระบบอื่น ๆ ของร่างกาย ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าควรส่งเสริมสุขภาพช่องปากในวัยเด็กเท่านั้น แต่ความจริงแล้ววัยสูงอายุก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อร่างกายมีอายุมากขึ้น ระบบการทำงานของอวัยวะในร่างกายต่าง ๆ ก็จะเสื่อมสภาพ รวมทั้งเหงือกและฟันที่อยู่ในช่องปากด้วย ตามกระแสพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยความเป็นห่วงทุกข์สุขของพสกนิกร ว่า “เวลาไม่มีฟัน กินอะไรก็ไม่อร่อย ทำให้ไม่มีความสุข จิตใจก็ไม่สบาย ร่างกายก็ไม่แข็งแรง”
โดยข้อมูลจากการสํารวจทันตสุขภาพระดับจังหวัดปี 2557 ผู้สูงอายุพบว่า มีฟันแท้ที่ใช้เคี้ยวอาหารได้ 20 ซี่ขึ้นไป เพียงร้อยละ 56.9 ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดแผนปฏิบัติการแผนงานทันตสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุประเทศไทย พ.ศ. 2558 - 2561 ภายใต้แผนงานทันตสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุประเทศไทย พ.ศ. 2558 - 2565 เพื่อให้ผู้สูงอายุเข้าถึงการบริการส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟูสภาพช่องปากเพิ่มขึ้น โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2559
นพ.ปิยะสกล กล่าวต่อว่า กลุ่มเป้าหมายดำเนินการตามแผนดังกล่าว จะครอบคลุมทั้งกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มรองคือ ผู้ที่มีอายุ 40 - 59 ปี ตามข้อเสนอของคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2558 โดยมียุทธศาสตร์การดำเนินงาน 4 ข้อ คือ 1. เพิ่มการเข้าถึงบริการทันตสุขภาพจากร้อยละ 34 ในปี 2555 เป็นร้อยละ 50 หรือประมาณ 5.8 ล้านคน และอย่างน้อย 1 จังหวัดของทุกเขตสุขภาพ มีการพัฒนารูปแบบเพื่อแก้ปัญหาสุขภาพในช่องปากผู้สูงอายุอย่างเป็นระบบ เช่น ฟันผุ แผล/มะเร็งในช่องปาก สภาวะน้ำลายแห้ง ฟันสึก โรคปริทันต์ เป็นต้น
2. ศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เพื่อสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ มีการผลิตนวัตกรรม เพื่อการรักษา การฟื้นฟู ป้องกันโรค และความผิดปกติทางทันตกรรม 3. พัฒนาบุคลากรและหลักสูตรด้านทันตกรรมผู้สูงอายุทั้งระดับปริญญาตรี หลักสูตรระยะสั้น ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และ 4. บริหารจัดการ พัฒนาระบบฐานข้อมูล การติดตามประเมินผลอย่างเป็นระบบ เพื่อบรรลุแผนในการทำงาน คือ ภายในปี 2561 ผู้สูงอายุมีสุขภาพช่องปากดีและมีฟันใช้อย่างเหมาะสม ร้อยละ 80
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่