รพ.เกาะช้าง พัฒนา “ปืนยิงเชือก” ช่วยชีวิตคนจมน้ำหน้าหาด เผย ช่วยชีวิตคนจมน้ำได้ไกลถึง 80 เมตร มากกว่าอุปกรณ์ปกติทั่วไป ควบคุมทิศทางการตกเชือกได้ในรัศมี 1 ตารางเมตร ด้าน สพฉ. เล็งต่อยอดใช้เป็นรูปธรรม
นางปนัสษดา เพียรหลำ พยาบาลวิชาชีพ ประจำโรงพยาบาลเกาะช้าง จ.ตราด นำเสนอผลงานนวัตกรรม “ปืนยิงเชือกช่วยชีวิตคนจมน้ำบริเวณชายหาด” ในการประชุมวิชาการการแพทย์ฉุกเฉินระดับชาติประจำปี 2559 ในหัวข้อ เคลื่อนวงล้อคุณภาพการแพทย์ฉุกเฉินไทย จัดโดยสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ว่า ช่วง พ.ค.- ต.ค. ของทุกปี จะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่เกาะช้างจำนวนมาก สถิติของนักท่องเที่ยวจมน้ำก็มีมาก ซึ่งได้มีการจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าตามชายหาด และจัดเตรียมทีมแพทย์ฉุกเฉินไว้คอยดูแล หากเกิดกรณีการจมน้ำ อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือคนจมน้ำบริเวณหน้าหาดนั้น จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ประจำตัวออกไปช่วย หากแต่อุปกรณ์นั้นจะทำงานได้เพียงระยะไม่เกิน 50 เมตร ซึ่งเมื่อผู้ประสบภัยถูกกระแสน้ำดูดออกไปเกินระยะ จะทำให้การช่วยเหลือลำบากขึ้น และยังเกิดความเสี่ยงและอันตรายต่อผู้ให้การช่วยเหลืออีกด้วย จึงเกิดแนวคิดพัฒนานวัตกรรมนี้ขึ้น เพื่อช่วยเหลือนักท่องเที่ยวให้ได้ทันท่วงทีและปลอดภัยสำหรับผู้เข้าให้การช่วยเหลือ
นางปนัสษดา กล่าวว่า นวัตกรรมปืนยิงเชือก พัฒนาขึ้นโดยใช้ปืนยิงเชือกที่มีลักษณะเป็นปืนยิง โดยมีเชือกเป็นลูกกระสุน ซึ่งประกอบด้วย ตัวโครงปืนที่ประกอบติดกับถึงเก็บความดัน และเมื่อทำการยิง ลูกกระสุนจะถูกดันออกจากลำกล้องของปืนและดึงเอาเชือกลอยน้ำที่บรรจุไว้ออกไปด้วย ซึ่งเชือกลอยน้ำจะลอยข้ามศีรษะคนจมน้ำและจะตกใกล้คนจมน้ำพอดี
นายสมชาย บุญมั่น เจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลเกาะช้าง กล่าวว่า จากการนำมาทดลองพบว่า ปืนยิงเชือกสามารถควบคุมทิศทางให้เชือกตกน้ำในระยะรัศมีไม่เกิน 1 ตารางเมตร และสามารถยิงได้ไกลถึง 80 เมตร และสามารถเคลื่อนย้ายและยิงเพียงเจ้าหน้าที่คนเดียวก็ได้ จากการทดลองจากสถานการณ์สมมติ ซึ่งผู้ประสบภัยจะสามารถเกาะพยุงตัวลอยคอรอเจ้าหน้าที่ดึงตนเอง หรือถูกดึงเข้าหาฝั่งได้ ซึ่งนวัตกรรมปืนยิงเชือกช่วยชีวิตคนจมน้ำบริเวณชายหาดสามารถใช้งานได้จริง ใช้ช่วยเหลือคนจมน้ำได้รวดเร็วขึ้น และไม่เสี่ยงอันตรายต่อผู้ให้การช่วยเหลือด้วย” เจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลเกาะช้างทีมคิดค้นนวัตกรรมปืนยิงเชือกช่วยชีวิตคนจมน้ำบริเวณชายหาด ระบุ
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการ สพฉ. กล่าวว่า นวัตกรรมนี้มีคุณค่าต่อการช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินจากการจมน้ำอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันสถิติของผู้ป่วยฉุกเฉินจากการจมน้ำนั้นมีมากขึ้นโดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี มีสถิติการเสียชีวิตสูงถึงปีละ 1,117 คน หรือวันละ 3.2 คน สพฉ. จะสนับสนุนให้นวัตกรรมชิ้นนี้ได้ถูกนำมาพัฒนาใช้อย่างเป็นประโยชน์และเป็นรูปธรรมต่อไปในอนาคต และสำหรับประชาชนทั่วไปเองหากจะไปพักผ่อนที่ทะเลควรเตรียมความพร้อมในการท่องเที่ยวและควรเรียนรู้การเอาตัวรอดจากการจมน้ำด้วยตนเอง อาทิ การเรียนรู้เรื่องรู้จักอาการคับขัน และวิธีการร้องขอความช่วยเหลือ เช่น การโบกมือขึ้นลงเหนือศีรษะให้คนอื่นรู้ว่ากำลังประสบภัย การตะโกน การรู้จักวิธีการลอยตัวอยู่ในน้ำ การรู้จักการช่วยเหลือโดยไม่จำเป็นต้องลงน้ำ ด้วยการยื่นหรือโยนอุปกรณ์ให้ผู้ประสบภัยจับหรือเกาะ และเรียนรู้วิธีการขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ด้วยการ โทร.แจ้งสายด่วน 1669
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่