xs
xsm
sm
md
lg

อุบัติเหตุ “รถรับส่ง นร.” พุ่ง พบดัดแปลงรถ ไร้ใบขับขี่ จี้คุมมาตรฐาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รถรับจ้างส่ง นร. เกิดอุบัติเหตุบ่อย ปี 58 พุ่ง 17 ครั้ง ตาย 24 ราย เหตุเป็นรถกระบะ รถตู้ดัดแปลง เพิ่มจำนวนแถว หวังจุคนจำนวนมาก ไม่ขึ้นทะเบียน ไม่มีใบขับขี่ ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งควบคุมมาตรฐาน เพิ่มความปลอดภัยการไปโรงเรียน

จากกรณีรถตู้โดยสารนักเรียน ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ขับรถด้วยความรวดเร็ว จนเด็กนักเรียนหญิงหล่นลงมาจากรถตู้กลางถนน จนเกือบถูกรถที่ตามมาขับชน ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียนอย่างมากในสังคมออนไลน์ เพราะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง

วันนี้ (31 พ.ค.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากข้อมูลการบาดเจ็บทางถนน ของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข สธ. พบว่า ปัจจุบันรถรับจ้างรับส่งนักเรียนเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ส่งผลมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ในปี 2558 เกิดอุบัติเหตุรถรับจ้างรับส่งนักเรียน 17 ครั้ง บาดเจ็บ 212 คน เสียชีวิต 24 ราย เฉลี่ยเดือนละ 2 ราย และปี 2559 ระหว่าง ม.ค.- พ.ค. เกิดอุบัติเหตุแล้ว 7 ครั้ง บาดเจ็บ 90 คน เสียชีวิต 4 ราย ปัญหาที่สำคัญ คือ 1. นำรถส่วนบุคคล เช่น รถกระบะหรือรถตู้มาใช้รับส่งโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนรถนักเรียน 2. คนขับไม่มีใบอนุญาตขับรถสาธารณะ และ 3. รถที่ใช้จะเป็นรถเก่าที่นำมาดัดแปลงสภาพ โดยใช้เก้าอี้ยาวมาเรียงเป็นแถวนั่ง 3 แถว เพื่อให้รับเด็กได้จำนวนมาก ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เกือบครึ่งของรถรับจ้างรับส่งนักเรียนที่เกิดเหตุ บรรทุกเด็กมากกว่า 20 คน/คัน เมื่อเกิดเหตุทำให้มีการบาดเจ็บที่รุนแรง จากการที่เก้าอี้ที่ไม่ได้ยึดเกาะทับขาและร่างกายเด็ก พบบ่อยคือ กระดูกขาหัก

“รถนักเรียนที่ถูกต้องตามกฎหมายตาม พ.ร.บ. ขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ต้องมีมาตรฐาน 5 ด้าน ได้แก่ 1. คนขับต้องมีใบอนุญาตขับรถสาธารณะ 2. การติดป้ายสัญญาณเตือนว่าเป็นรถนักเรียนหรือรถโรงเรียน พร้อมอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น เข็มขัดนิรภัย ถังดับเพลิง 3. ตรวจสภาพทุก 6 เดือน 4. มีพี่เลี้ยงดูแลเด็ก และ 5. มีระบบประกันภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุ” รองปลัด สธ. กล่าว

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า สธ. เตรียมประสานและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น เอกชน และผู้ประกอบการ ร่วมกันทบทวนหลักเกณฑ์และมาตรการกำกับหรือจัดระเบียบเข้มกับรถส่วนบุคคลที่นำมาวิ่งรับจ้างรับส่งนักเรียน ดังนี้ ระยะเร่งด่วน ได้แก่ การกำหนด มาตรฐานคนขับ มาตรฐานตัวรถ การบรรทุกนักเรียน การวิเคราะห์เส้นทางที่ปลอดภัย การมีผู้ดูแลบนรถ โดยเฉพาะเด็กเล็ก การทำประกันภาคสมัครใจ การสอบสวนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุเพื่อนำมาวิเคราะห์และวางแนวทางป้องกันควบคู่ไปด้วย ระยะกลาง และ ระยะยาว มีการปรับปรุงประสิทธิภาพรถโดยสารสาธารณะให้มีความสะดวกและปลอดภัย เพื่อผู้ปกครองมั่นใจและส่งบุตรหลานด้วยรถโดยสารสาธารณะ ส่วนรถรับจ้างรับส่งนักเรียน ต้องได้รับการควบคุมกำกับมาตรฐานความปลอดภัย ทั้งด้านคนขับ ตัวรถและอุปกรณ์ในรถตามมาตรฐาน ร่วมกับระบบกำกับติดตามความเร็ว การวิ่ง/จอดนอกเส้นทาง ด้วยระบบจีพีเอส (GPS) เป็นต้น เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน



ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น