ลูกสาว “หมอเดชา” แถลงเปิดใจแทนพ่อถูกสั่งปิด รพ. ยัน “สุขารมณ์” ยังเป็นเจ้าของ เผย ฟ้องศาลแล้วหลังบริษัท ศรีอยุธ เบี้ยวค่าเช่ามากกว่า 20 ล้าน ปูดไม่เคยได้รับการติดต่อชี้แจง จี้หารือเคลียร์ปัญหาภายใน ทั้งค่าเช่า จ่ายเงินพนักงาน จ่อหาบริษัทอื่นรับช่วงบริหารต่อ พร้อมเจรจาทุกรูปแบบทั้งเช่าและซื้อ ชี้หากซื้อขาดไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
วันนี้ (13 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่โรงพยาบาลเดชา ถ.ศรีอยุธยา น.ส.วรสุดา สุขารมณ์ ลูกสาวคนเล็กของ นพ.เดชา สุขารมณ์ เจ้าของโรงพยาบาลเดชา แถลงข่าวถึงกรณีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) สั่งปิด รพ.เดชา ชั่วคราว เป็นเวลา 60 วัน เนื่องจากไม่ได้มาตรฐานตามเกณฑ์โรงพยาบาลขนาด 100 เตียง และบริษัท ศรีอยุธ จำกัด ในฐานะผู้บริหารกิจการแทนมีการค้างจ่ายเงินพนักงาน ว่า ตนขอเป็นตัวแทนครอบครัวสุขารมณ์ชี้แจงถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว เนื่องจากมีผลกระทบต่อครอบครัวโดยตรง ประเด็นแรกคือ กรณีข่าวเจ้าของ รพ.เดชา เสียชีวิต ทำให้สังคมสับสนว่าใครเป็นเจ้าของและผู้ดำเนินการ ยืนยันว่า นพ.เดชา ยังคงมีชีวิตอยู่ ขณะนี้อายุ 81 ปีแล้ว และยังมีสุขภาพแข็งแรง และบริษัท สุขารมณ์ จำกัด ยังคงเป็นเจ้าของที่ดินและทรัพย์สิน 100% แต่ไม่ได้เข้ามาดำเนินการเป็นเวลา 10 ปีแล้ว เนื่องจากให้บริษัท ศรีอยุธ จำกัด เป็นผู้เช่าดำเนินการประกอบการต่อตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ด้วยการทำสัญญาเช่า 7 ปี ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปี 2556 จากนั้นก็เป็นการทำสัญญาปีต่อปี ค่าเช่าเดือนละประมาณกว่าล้านบาท โดยครอบครัวไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารใด ๆ
“ขณะนี้ทางบริษัท ศรีอยุธ มีปัญหาติดหนี้ค่าเช่า คือ มีการจ่าย แต่จ่ายไม่ครบตามสัญญา ผัดผ่อนมาตลอด ซึ่งตอนที่ต่อสัญญาในปีล่าสุด ยังไม่ได้เกิดปัญหาขึ้น โดยบริษัทศรีอยุธ ขาดสภาพคล่องเมื่อประมาณปลายปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย นายวีระนารถ วีระไวทยะ ผู้บริหารบริษัท ศรีอยุธ ป่วยหนักและมีการยืนยันว่า จะพยายามจ่าย โดยจะนำเงินจากค่าประกันสังคมจ่ายให้ แต่สุดท้ายก็ไม่มี และหลังจากนายวีระนารถ เสียชีวิตก็ไม่ได้ติดต่ออีกเลย ทางบริษัท สุขารมณ์ ก็ได้มีการทวงถามตามกระบวนการทางกฎหมาย แต่ไม่ได้ไปจี้มากนัก เพราะสถานที่นี้บริการสุขภาพและชีวิตคน จึงไม่สามารถดำเนินเด็ดขาด คือ ปิด หรือยกเลิกสัญญาไปได้ เนื่องจากเห็นแก่ชีวิตที่คนยังมารักษาอยู่ แต่สิ้นปีที่แล้วก็ดำเนินการตามกฎหมายไป โดยมีการฟ้องร้องต่อศาล เนื่องจากบริษัทศรีอยุธ มีการค้างชำระหนี้มากกว่า 20 ล้านบาท แต่ตัวเลขจริงขอไม่เปิดเผย โดยอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งทางบริษัท สุขารมณ์ ก็อยากได้เงินคืน เพราะเป็นทรัพย์สินที่ควรได้ จึงได้พยายามทำตามขั้นตอน แต่ไม่ได้คาดหวังมาก” น.ส.วรสุดา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะยกเลิกสัญญากับบริษัท ศรีอยุธ เลยหรือไม่ น.ส.วรสุดา กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องหารือกันก่อน แต่โดยส่วนตัวแล้วมีปัญหาขนาดนี้ แนวโน้มคงจะทำงานด้วยกันยาก เพราะที่ผ่านมาแค่การติดต่อเจรจากันก็แทบไม่มี
ผู้สื่อข่าวถามว่า สบส. ให้ข่าวว่า ทางบริษัท ศรีอยุธ มีการติดต่อมาว่าจะดำเนินการต่อ แต่ขอเวลาปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน น.ส.วรสุดา กล่าวว่า ได้ข่าวเช่นกัน แต่กลับไม่ได้รับการติดต่อจากบริษัท ศรีอยุธ เลย เรื่องนี้ก็คงต้องเจรจาด้วย เพื่อให้เกิดความชัดเจน ซึ่งอยากให้บริษัทศรีอยุธเข้ามาเจรจาในทุก ๆ เรื่อง ว่า จะดำเนินการแก้ปัญหาอย่างไร เพราะบริษัทศรีอยุธก็ต้องเคลียร์เรื่องทั้งหมด ซึ่งไม่ได้มีแค่เรื่องพนักงานและค้างค่าเช่าเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ในการเจรจา อยากพูดคุยกับผู้มีอำนาจตัดสินใจกับบริษัท ศรีอยุธ เท่านั้น ไม่ใช่ผู้แทนอีก เพราะที่ผ่านมาเมื่อเกิดปัญหา บริษัท ศรีอยุธ ไม่เคยติดต่อหรือเจรจากับเราเลย มีเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ได้พบกับทาง จ่าสิบเอก ชาญณรงค์ ประเสริฐศรี กรรมการบริษัท ศรีอยุธ แต่กลับได้คำตอบว่า ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะเป็นเพียงผู้แทน และมีข่าวว่า ทาง จ่าสิบเอก ชาญณรงค์ มีการลาออกจากบริษัท ศรีอยุธ อีก ดังนั้น ทางบริษัท สุขารมณ์ จึงได้ให้ทนายดำเนินการเรื่องนี้แล้วว่า จะยกเลิกสัญญากับทางบริษัท ศรีอยุธ ได้หรือไม่ และจะเปิดโอกาสให้บริษัทอื่นเข้ามาเจรจาเพื่อบริหารงานต่อไป
“บริษัท สุขารมณ์ จะไม่บริหารต่อ เนื่องจากไม่มีความพร้อม เพราะประกอบกับครอบครัวมีธุรกิจโรงแรมที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งที่ผ่านมา มีหลายบริษัทมาติดต่อ โดยทั้งหมดเป็นธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาล อย่างสิงคโปร์ก็มาติดต่อเช่นกัน แต่ติดขัดเรื่องเอกสาร อย่างไรก็ตาม บริษัท สุขารมณ์ ยินดีเจรจาทุกรูปแบบทั้งเช่าหรือซื้อขาดโรงพยาบาลเดชา ซึ่งหากจะซื้อและไปทำธุรกิจอื่นก็ยินดี แต่ใจจริงอยากให้ดำเนินการเป็นโรงพยาบาลตามเดิม เพราะโรงพยาบาลเดชา ถือเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกของประเทศไทย แต่ก็จะดูคุณสมบัติของบริษัทที่เข้ามาด้วย เพราะไม่อยากให้เกิดลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก” น.ส.วรสุดา กล่าว
เมื่อถามว่าหากมีการซื้อโรงพยาบาลจะมีการขายจำนวนเท่าไร น.ส.วรสุดา กล่าวว่า ตัวเลขยังคงเปิดเผยไม่ได้ชัดนัก แต่การประเมินทรัพย์สินไม่น่าต่ำกว่า 500 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในส่วนของพนักงานที่กำลังประสบปัญหา ทางบริษัทสุขารมณ์จะช่วยอย่างไร น.ส.วรสุดา กล่าวว่า สถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมีผลกระทบมากทั้งครอบครัวและพนักงานของเรา ซึ่งพนักงานที่อยู่ที่นี่คือพนักงานเก่าของบริษัท สุขารมณ์ การมาแถลงครั้งนี้ก็เพื่อเป็นกำลังใจ ขณะเดียวกัน ก็พยายามติดต่อกับทางบริษัท ศรีอยุธ เพื่อเคลียร์เรื่องเงินเดือนให้พนักงาน รวมทั้งการบริหารทั้งหมด ซึ่งตามข่าวทางบริษัท ศรีอยุธ บอกว่า จะเคลียร์ปัญหาทั้งหมดให้ได้ภายใน 60 วัน ยอมรับว่ายังกังวลว่าจะทำได้หรือไม่
ผู้สือข่าวถามว่า นพ.เดชา ได้ฝากอะไรหรือไม่ น.ส.วรสุดา กล่าวว่า สิ่งที่ชี้แจงทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ นพ.เดชา อยากจะบอกกับสังคม
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่