สปสช. โต้กลับ “หมอเชิดชู” ยัน “หมอประทีป” อดีตรักษาการเลขาธิการ สปสช. ทำงานตามมติบอร์ด ไม่ลุแก่อำนาจ จัดซื้อน้ำยาล้างไตผ่าน อภ. ไร้ทุจริต ชี้ อภ. ไม่มีงบสนับสนุนกิจกรรมภาครัฐให้แก่ สปสช. ย้ำ สปสช. ซื้อได้ราคาที่ต่ำกว่าขายในประเทศ ชี้ ดิสเครดิตชิงตำแหน่งเลขาฯ สปสช.
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ โฆษกสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณี พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา ทำหนังสือเปิดผนึกถึงกรรมการสรรหาเลขาธิการ สปสช. โดยระบุถึง นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการ สปสช. ขณะเป็นรักษาการเลขาธิการ สปสช. ได้แสดงถึงความลุแก่อำนาจด้วยการแต่งตั้งคณะทำงานที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) มีมติให้ยกเลิกแล้วกลับมาทำงานอีก เพียงแต่เปลี่ยนชื่อจากคณะกรรมการเป็นคณะทำงานเท่านั้น และไม่สุจริตในการจัดซื้อน้ำยาล้างไต CAPD โดยมีการแสวงหาประโยชน์จากการจัดซื้อดังกล่าว ว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ มีเจตนามุ่งร้ายหวังผลต่อการสมัครเลขาธิการ สปสช. คนใหม่
ทพ.อรรถพร กล่าวว่า คำสั่งแต่งตั้งที่ดำเนินการในอำนาจของรักษาการเลขาธิการ สปสช. นั้น ทำตามมติบอร์ด สปสช. ทุกประการ ผู้สนใจสามารถหาอ่านได้ในเว็บไซต์ของ สปสช. ที่มาของเรื่องนี้สืบเนื่องจากในการประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2559 กรรมการท่านหนึ่งขอหารือที่ประชุมเรื่องการออกคำสั่ง สปสช. ที่ 17/2559 ลงวันที่ 22 มกราคม 2559 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และเพื่อให้ยุติในประเด็นดังกล่าวบอร์ด สปสช.จึงมีมติให้ สปสช. ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวนี้ โดยให้ สปสช.ดำเนินการจัดทำเป็นคำสั่งแต่งตั้งภายในเพื่อสนับสนุนงานตามอำนาจหน้าที่ของเลขาธิการ ต่อมาในการประชุมบอร์ด เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2559 มีการนำเรื่องนี้ขึ้นหารืออีกครั้ง และมติบอร์ด สปสช. ในวันนั้นสรุปยืนยันเห็นชอบว่า สำนักงานได้ยกเลิกการออกคำสั่ง สปสช. ที่ 17/2559 ลงวันที่ 22 มกราคม 2559 แล้ว และได้จัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเป็นการภายในเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ของเลขาธิการ และไม่จำเป็นต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งนี้ เป็นไปตามมติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2559 วันที่ 7 มีนาคม 2559 แล้ว
ทพ.อรรถพร กล่าวต่อว่า ส่วนการจัดซื้อน้ำยาล้างไต CAPD นั้น เมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้ทำหนังสือถึง กรรมการสรรหาเลขาธิการ สปสช. เรื่อง ข้อเท็จจริงโครงการน้ำยาล้างไต CAPD ของ สปสช. ว่า เนื่องจากประเทศไทยได้กำหนดให้การล้างไตผ่านช่องท้อง หรือ CAPD เป็นบริการแรกสำหรับการทดแทนไตที่ให้กับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายทุกรายที่ไม่มีข้อห้ามทางการแพทย์ หรือที่เรียกว่านโยบาย PD First เนื่องจากการล้างไตช่องท้องด้วยน้ำยาล้างไต CAPD นั้น ผู้ป่วยสามารถทำได้ด้วยตนเองที่บ้าน จึงทำให้ประหยัดเวลาในการเดินทาง ประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยเองหรือญาติที่ไม่ต้องพามา รพ. และเมื่อ สปสช. เข้ามาดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว ได้มอบให้ อภ. เป็นผู้จัดหาและส่งน้ำยาล้างไตทางช่องท้องถึงบ้านผู้ป่วยและหน่วยบริการตั้งแต่ปี 2551 โดยมีการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยร้อยละ 15 - 20 ต่อปี จากข้อมูลปี 2558 มีผู้ป่วยล้างไตช่องท้องในระบบ 18,615 ราย
สำหรับแหล่งจัดซื้อน้ำยาล้างไตนั้น อภ. จัดซื้อจาก 2 บริษัท และได้ต่อรองราคาจากบริษัทผู้จำหน่าย ได้ราคาถุงละ 113 - 115 บาท อภ. ขายให้กับ สปสช. รวมค่าบริหารจัดการ ค่าจัดเก็บสำรองและค่าขนส่งถึงบ้านของผู้ป่วยที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ในราคาเฉลี่ยถุงละ 128 - 130 บาท จากราคาจำหน่ายในประเทศทั่วไปถุงละ 150 - 170 บาท และเมื่อเทียบกับราคาขายที่ทั้ง 2 บริษัทนี้ขายในประเทศมาเลเซียถุงละ 171 บาท ขายในประเทศฟิลิปปินส์ถุงละ 175 บาท และขายในประเทศสิงคโปร์ถุงละ 325 บาท จะพบว่าราคาที่ขายในประเทศไทยเป็นราคาที่ขายต่ำสุด ในหนังสือดังกล่าว อภ. ยังระบุว่าการขายน้ำยาล้างไต CAPD ให้กับ สปสช. ในราคานี้ เป็นราคาที่ อภ. ดำเนินการตามพันธกิจเพื่อสังคมโดยไม่หวังผลกำไรตอบแทน ซึ่งการดำเนินการตามพันธกิจครั้งนี้ อภ. ไม่มีงบประมาณสนับสนุนกิจกรรมภาครัฐให้แก่ สปสช. สำหรับการจัดซื้อน้ำยาล้างไต CAPD
“จึงขอชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องให้สังคมได้รับทราบกัน ก่อนที่จะมีการขยายข้อมูลเท็จและสร้างความเสียหายไปมากกว่านี้ และ สปสช. ขอวิงวอนให้กลุ่มบุคคลที่เผยแพร่ข้อมูลไม่ถูกต้องได้ศึกษาข้อเท็จจริงก่อนที่จะดำเนินการใด ๆ ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นการสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นไม่มีที่สิ้นสุด และไม่ก่อให้ประโยชน์ใดๆ ต่อระบบสาธารณสุขแม้แต่น้อย เพราะเป็นข้อมูลเท็จและก็ขอให้หยุดการเผยแพร่ส่งต่อข้อมูลเท็จนั้นเสีย เพราะการสร้างความขัดแย้งด้วยข้อมูลที่บิดเบือนและไม่ถูกต้องนั้นไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ ต่อสังคมเลย” โฆษก สปสช. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ โฆษกสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณี พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา ทำหนังสือเปิดผนึกถึงกรรมการสรรหาเลขาธิการ สปสช. โดยระบุถึง นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการ สปสช. ขณะเป็นรักษาการเลขาธิการ สปสช. ได้แสดงถึงความลุแก่อำนาจด้วยการแต่งตั้งคณะทำงานที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) มีมติให้ยกเลิกแล้วกลับมาทำงานอีก เพียงแต่เปลี่ยนชื่อจากคณะกรรมการเป็นคณะทำงานเท่านั้น และไม่สุจริตในการจัดซื้อน้ำยาล้างไต CAPD โดยมีการแสวงหาประโยชน์จากการจัดซื้อดังกล่าว ว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ มีเจตนามุ่งร้ายหวังผลต่อการสมัครเลขาธิการ สปสช. คนใหม่
ทพ.อรรถพร กล่าวว่า คำสั่งแต่งตั้งที่ดำเนินการในอำนาจของรักษาการเลขาธิการ สปสช. นั้น ทำตามมติบอร์ด สปสช. ทุกประการ ผู้สนใจสามารถหาอ่านได้ในเว็บไซต์ของ สปสช. ที่มาของเรื่องนี้สืบเนื่องจากในการประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2559 กรรมการท่านหนึ่งขอหารือที่ประชุมเรื่องการออกคำสั่ง สปสช. ที่ 17/2559 ลงวันที่ 22 มกราคม 2559 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และเพื่อให้ยุติในประเด็นดังกล่าวบอร์ด สปสช.จึงมีมติให้ สปสช. ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวนี้ โดยให้ สปสช.ดำเนินการจัดทำเป็นคำสั่งแต่งตั้งภายในเพื่อสนับสนุนงานตามอำนาจหน้าที่ของเลขาธิการ ต่อมาในการประชุมบอร์ด เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2559 มีการนำเรื่องนี้ขึ้นหารืออีกครั้ง และมติบอร์ด สปสช. ในวันนั้นสรุปยืนยันเห็นชอบว่า สำนักงานได้ยกเลิกการออกคำสั่ง สปสช. ที่ 17/2559 ลงวันที่ 22 มกราคม 2559 แล้ว และได้จัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเป็นการภายในเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ของเลขาธิการ และไม่จำเป็นต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งนี้ เป็นไปตามมติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2559 วันที่ 7 มีนาคม 2559 แล้ว
ทพ.อรรถพร กล่าวต่อว่า ส่วนการจัดซื้อน้ำยาล้างไต CAPD นั้น เมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้ทำหนังสือถึง กรรมการสรรหาเลขาธิการ สปสช. เรื่อง ข้อเท็จจริงโครงการน้ำยาล้างไต CAPD ของ สปสช. ว่า เนื่องจากประเทศไทยได้กำหนดให้การล้างไตผ่านช่องท้อง หรือ CAPD เป็นบริการแรกสำหรับการทดแทนไตที่ให้กับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายทุกรายที่ไม่มีข้อห้ามทางการแพทย์ หรือที่เรียกว่านโยบาย PD First เนื่องจากการล้างไตช่องท้องด้วยน้ำยาล้างไต CAPD นั้น ผู้ป่วยสามารถทำได้ด้วยตนเองที่บ้าน จึงทำให้ประหยัดเวลาในการเดินทาง ประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยเองหรือญาติที่ไม่ต้องพามา รพ. และเมื่อ สปสช. เข้ามาดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว ได้มอบให้ อภ. เป็นผู้จัดหาและส่งน้ำยาล้างไตทางช่องท้องถึงบ้านผู้ป่วยและหน่วยบริการตั้งแต่ปี 2551 โดยมีการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยร้อยละ 15 - 20 ต่อปี จากข้อมูลปี 2558 มีผู้ป่วยล้างไตช่องท้องในระบบ 18,615 ราย
สำหรับแหล่งจัดซื้อน้ำยาล้างไตนั้น อภ. จัดซื้อจาก 2 บริษัท และได้ต่อรองราคาจากบริษัทผู้จำหน่าย ได้ราคาถุงละ 113 - 115 บาท อภ. ขายให้กับ สปสช. รวมค่าบริหารจัดการ ค่าจัดเก็บสำรองและค่าขนส่งถึงบ้านของผู้ป่วยที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ในราคาเฉลี่ยถุงละ 128 - 130 บาท จากราคาจำหน่ายในประเทศทั่วไปถุงละ 150 - 170 บาท และเมื่อเทียบกับราคาขายที่ทั้ง 2 บริษัทนี้ขายในประเทศมาเลเซียถุงละ 171 บาท ขายในประเทศฟิลิปปินส์ถุงละ 175 บาท และขายในประเทศสิงคโปร์ถุงละ 325 บาท จะพบว่าราคาที่ขายในประเทศไทยเป็นราคาที่ขายต่ำสุด ในหนังสือดังกล่าว อภ. ยังระบุว่าการขายน้ำยาล้างไต CAPD ให้กับ สปสช. ในราคานี้ เป็นราคาที่ อภ. ดำเนินการตามพันธกิจเพื่อสังคมโดยไม่หวังผลกำไรตอบแทน ซึ่งการดำเนินการตามพันธกิจครั้งนี้ อภ. ไม่มีงบประมาณสนับสนุนกิจกรรมภาครัฐให้แก่ สปสช. สำหรับการจัดซื้อน้ำยาล้างไต CAPD
“จึงขอชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องให้สังคมได้รับทราบกัน ก่อนที่จะมีการขยายข้อมูลเท็จและสร้างความเสียหายไปมากกว่านี้ และ สปสช. ขอวิงวอนให้กลุ่มบุคคลที่เผยแพร่ข้อมูลไม่ถูกต้องได้ศึกษาข้อเท็จจริงก่อนที่จะดำเนินการใด ๆ ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นการสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นไม่มีที่สิ้นสุด และไม่ก่อให้ประโยชน์ใดๆ ต่อระบบสาธารณสุขแม้แต่น้อย เพราะเป็นข้อมูลเท็จและก็ขอให้หยุดการเผยแพร่ส่งต่อข้อมูลเท็จนั้นเสีย เพราะการสร้างความขัดแย้งด้วยข้อมูลที่บิดเบือนและไม่ถูกต้องนั้นไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ ต่อสังคมเลย” โฆษก สปสช. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
