ผศ.พญ.เพ็ญวดี พัฒนปรีชากุล
ภาควิชาตจวิทยา
ช่วงหน้าร้อน แดดที่จ้ามากๆ ทำให้เกิดผิวไหม้จากแสงแดด ผิวคล้ำ และอากาศที่ร้อนอบอ้าวยังเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดโรคผิวหนังชนิดต่างๆ ได้ เมื่ออากาศร้อนขึ้น อุณหภูมิในร่างกายที่เพิ่มขึ้นขึ้น ทำให้ร่างกายขับเหงื่ออกมาเพื่อระบายความร้อน “เหงื่อ” จึงเป็นสาเหตุที่สำคัญที่จะทำให้เกิดโรคผิวหนังในช่วงหน้าร้อน รวมถึงทำให้เกิดกลิ่นกายก่อความรำคาญ และทำให้รู้สึกหงุดหงิด และขาดความมั่นใจได้
ในหน้าร้อนโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย ได้แก่
ผดร้อน จะพบได้บ่อยในเด็กเล็กๆ ผู้สูงอายุ คนที่เจ้าเนื้อ หรือคนที่ต้องใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นมากๆ โดยผดร้อนเกิดจากการอุดตันของการหลั่งเหงื่อ โดยจะเกิดเป็นผื่นตุ่มเล็กๆ มีสีแดง หรือเป็นตุ่มน้ำใสเม็ดๆ ที่บริเวณหน้าอก คอ และหลัง
โรคเชื้อราที่ผิวหนัง มักเกิดในร่มผ้า รักแร้ ซอกพับบริเวณที่มีการอับชื้น หรือบริเวณง่ามนิ้วเท้าหรือฝ่าเท้าในคนที่ต้องใส่รองเท้าหุ้มส้น หรือรองเท้าบูตเป็นประจำ ในช่วงหน้าร้อนจะพบผู้ป่วยเป็นผื่นผิวหนังอักเสบที่เกิดจากเชื้อราในร่มผ้าเพิ่มมากขึ้น โดยเชื้อราที่พบได้บ่อย คือ กลาก เกลื้อน และกลุ่มยีสต์จำพวกแคนดิดา
ภาวะติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง ได้แก่ โรครูขุมขนอักเสบ ฝีที่ผิวหนังโดยเกิดขึ้นตามซอกพับ ขาหนีบ หรือก้น ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เสื้อผ้าที่รัดแน่น อากาศที่ถ่ายเทไม่สะดวก และเหงื่อที่เพิ่มขึ้น
กลิ่นตัว เกิดจากแบคทีเรียที่ผิวหนังไปทำปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงสารบางอย่างในเหงื่อของคนเราให้เกิดกลิ่นขึ้นมา เมื่ออากาศร้อนมาก เหงื่อออกมากๆ ก็จะมีกลิ่นตัวมากขึ้น สร้างความรำคาญใจต่อตนเอง และคนรอบข้าง สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องกลิ่นตัวควรจะหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด เช่น เครื่องเทศ กระเทียม หรือชีส ซึ่งมีส่วนทำให้มีกลิ่นตัวมากขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการลดเหงื่อ ไม่ว่าจะเป็นสเปรย์ โรลออน ซึ่งมีสารอะลูมิเนียมคลอไรด์ จะช่วยลดการหลั่งเหงื่อ ทำให้กลิ่นตัวลดลงได้
โรคผิวหนังอักเสบ หรือผื่นคัน ในคนที่ผิวแพ้ง่าย หรือเป็นภูมิแพ้ผิวหนังอยู่เดิม ในหน้าร้อนเหงื่อที่เพิ่มมากขึ้นอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิว และกระตุ้นให้ผื่นผิวหนังอักเสบกำเริบขึ้นได้ รวมทั้งผื่นผิวหนังอักเสบตามซอกพับที่มีการเสียดสีกัน ในผู้ที่เป็นโรคเอสแอลอี อาการผื่นผิวหนังของโรคเอสแอลอี รวมทั้งอาการในระบบอื่นๆ จะกำเริบได้เมื่อโดนแสงแดดกระตุ้น ดังนั้น ผู้ที่เป็นโรคเอสแอลอีจึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
ฝ้า กระแดด แสงยูวีจะกระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากขึ้น เกิดฝ้า และกระแดด หรือผิวคล้ำขึ้นในช่วงหน้าร้อน หากใครที่เป็นฝ้าอยู่แล้วอาจเป็นมากขึ้น โดยผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นประจำก็จะเริ่มมีฝ้า และกระแดดเกิดขึ้นที่ใบหน้า
นอกจากนี้ การโดนแดดสะสมเป็นเวลานานๆ โดยไม่มีการป้องกัน จะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ซึ่งจะเริ่มเกิดขึ้นเมื่อมีอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป หากเรารู้จักป้องกันผิว ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้อน หรือหน้าหนาว ใช้ครีมกันแดดสม่ำเสมอก็จะลดปัจจัยที่จะนำไปสู่มะเร็งผิวหนังได้
ในหน้าร้อนสิ่งสำคัญ คือ ควรหลีกเลี่ยงการตากแดดเป็นระยะเวลานาน หรือหากมีความจำเป็นต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานๆ ก็ควรใช้ครีมกันแดดทาบริเวณใบหน้า ลำคอ และผิวบริเวณที่ไม่มีเสื้อผ้าปกคลุม สำหรับเด็ก หรือวัยรุ่น ค่าเอสพีเอฟประมาณ 15 ผู้ใหญ่วัยทำงานประมาณ 30-50 ก็เพียงพอ การทาครีมกันแดดไม่ใช่ทาหนึ่งครั้งต่อวัน หลักการทาครีมกันแดดที่ถูกต้องควรจะทาก่อนออกแดดครึ่งชั่วโมง โดยหลังจากทาไปแล้ว และยังต้องอยู่กลางแจ้งหลายๆ ชั่วโมง ก็ควรจะมีการทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2-4 ชั่วโมง นอกจากนี้ ในปัจจุบันมีการผลิตครีมกันแดดสำหรับเด็ก จึงแนะนำให้ผู้ปกครองควรที่จะเริ่มทาครีมกันแดดให้บุตรหลานของท่าน
การแต่งกายเป็นสิ่งที่สำคัญในการช่วยป้องกันแดด ควรใส่เสื้อแขนยาว หรือเสื้อที่มีสีเข้ม หรือสีดำ ใส่หมวกที่มีปีกกว้าง และแว่นตากันแดด การสวมใส่เสื้อผ้า หรือเครื่องแบบควรให้หลวมขึ้น เพื่อช่วยให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดโรคเชื้อรา และการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง และยังช่วยลดเหงื่อด้วย รวมทั้งควรอาบน้ำบ่อยขึ้นในช่วงหน้าร้อน ในเด็กเล็กๆ การอาบน้ำทาแป้ง และใส่เสื้อผ้าที่โปร่งบางจะช่วยให้ระบายเหงื่อได้ดีขึ้น
*******
กิจกรรมดีๆ ที่ศิริราช
# ในโอกาส 128 ปี ศิริราช เชิญชวนประชาชนสนใจร่วมกิจกรรมเพื่อสุขภาพ วันที่ 25-29 เม.ย. ณ โถง ๑๐๐ ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ และงาน “๑๒๘ ปี ศิริราช เทศน์มหาชาติเฉลิมพระเกียรติ วันที่ 26-29 เม.ย. 59 ณ หอประชุมราชแพทยาลัย สอบถามเพิ่มเติม โทร.0-2419-7646-8
# เชิญชวนร่วมงานชมรมโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียฯ ครั้งที่ 27 และวันธาลัสซีเมียโลก ครั้งที่ 15 วันที่ 1 พ.ค.59 เวลา 09.00-15.30 น. ณ ห้องประชุมราชปนัดดาสิรินธร
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
ภาควิชาตจวิทยา
ช่วงหน้าร้อน แดดที่จ้ามากๆ ทำให้เกิดผิวไหม้จากแสงแดด ผิวคล้ำ และอากาศที่ร้อนอบอ้าวยังเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดโรคผิวหนังชนิดต่างๆ ได้ เมื่ออากาศร้อนขึ้น อุณหภูมิในร่างกายที่เพิ่มขึ้นขึ้น ทำให้ร่างกายขับเหงื่ออกมาเพื่อระบายความร้อน “เหงื่อ” จึงเป็นสาเหตุที่สำคัญที่จะทำให้เกิดโรคผิวหนังในช่วงหน้าร้อน รวมถึงทำให้เกิดกลิ่นกายก่อความรำคาญ และทำให้รู้สึกหงุดหงิด และขาดความมั่นใจได้
ในหน้าร้อนโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย ได้แก่
ผดร้อน จะพบได้บ่อยในเด็กเล็กๆ ผู้สูงอายุ คนที่เจ้าเนื้อ หรือคนที่ต้องใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นมากๆ โดยผดร้อนเกิดจากการอุดตันของการหลั่งเหงื่อ โดยจะเกิดเป็นผื่นตุ่มเล็กๆ มีสีแดง หรือเป็นตุ่มน้ำใสเม็ดๆ ที่บริเวณหน้าอก คอ และหลัง
โรคเชื้อราที่ผิวหนัง มักเกิดในร่มผ้า รักแร้ ซอกพับบริเวณที่มีการอับชื้น หรือบริเวณง่ามนิ้วเท้าหรือฝ่าเท้าในคนที่ต้องใส่รองเท้าหุ้มส้น หรือรองเท้าบูตเป็นประจำ ในช่วงหน้าร้อนจะพบผู้ป่วยเป็นผื่นผิวหนังอักเสบที่เกิดจากเชื้อราในร่มผ้าเพิ่มมากขึ้น โดยเชื้อราที่พบได้บ่อย คือ กลาก เกลื้อน และกลุ่มยีสต์จำพวกแคนดิดา
ภาวะติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง ได้แก่ โรครูขุมขนอักเสบ ฝีที่ผิวหนังโดยเกิดขึ้นตามซอกพับ ขาหนีบ หรือก้น ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เสื้อผ้าที่รัดแน่น อากาศที่ถ่ายเทไม่สะดวก และเหงื่อที่เพิ่มขึ้น
กลิ่นตัว เกิดจากแบคทีเรียที่ผิวหนังไปทำปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงสารบางอย่างในเหงื่อของคนเราให้เกิดกลิ่นขึ้นมา เมื่ออากาศร้อนมาก เหงื่อออกมากๆ ก็จะมีกลิ่นตัวมากขึ้น สร้างความรำคาญใจต่อตนเอง และคนรอบข้าง สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องกลิ่นตัวควรจะหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด เช่น เครื่องเทศ กระเทียม หรือชีส ซึ่งมีส่วนทำให้มีกลิ่นตัวมากขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการลดเหงื่อ ไม่ว่าจะเป็นสเปรย์ โรลออน ซึ่งมีสารอะลูมิเนียมคลอไรด์ จะช่วยลดการหลั่งเหงื่อ ทำให้กลิ่นตัวลดลงได้
โรคผิวหนังอักเสบ หรือผื่นคัน ในคนที่ผิวแพ้ง่าย หรือเป็นภูมิแพ้ผิวหนังอยู่เดิม ในหน้าร้อนเหงื่อที่เพิ่มมากขึ้นอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิว และกระตุ้นให้ผื่นผิวหนังอักเสบกำเริบขึ้นได้ รวมทั้งผื่นผิวหนังอักเสบตามซอกพับที่มีการเสียดสีกัน ในผู้ที่เป็นโรคเอสแอลอี อาการผื่นผิวหนังของโรคเอสแอลอี รวมทั้งอาการในระบบอื่นๆ จะกำเริบได้เมื่อโดนแสงแดดกระตุ้น ดังนั้น ผู้ที่เป็นโรคเอสแอลอีจึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
ฝ้า กระแดด แสงยูวีจะกระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากขึ้น เกิดฝ้า และกระแดด หรือผิวคล้ำขึ้นในช่วงหน้าร้อน หากใครที่เป็นฝ้าอยู่แล้วอาจเป็นมากขึ้น โดยผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นประจำก็จะเริ่มมีฝ้า และกระแดดเกิดขึ้นที่ใบหน้า
นอกจากนี้ การโดนแดดสะสมเป็นเวลานานๆ โดยไม่มีการป้องกัน จะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ซึ่งจะเริ่มเกิดขึ้นเมื่อมีอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป หากเรารู้จักป้องกันผิว ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้อน หรือหน้าหนาว ใช้ครีมกันแดดสม่ำเสมอก็จะลดปัจจัยที่จะนำไปสู่มะเร็งผิวหนังได้
ในหน้าร้อนสิ่งสำคัญ คือ ควรหลีกเลี่ยงการตากแดดเป็นระยะเวลานาน หรือหากมีความจำเป็นต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานๆ ก็ควรใช้ครีมกันแดดทาบริเวณใบหน้า ลำคอ และผิวบริเวณที่ไม่มีเสื้อผ้าปกคลุม สำหรับเด็ก หรือวัยรุ่น ค่าเอสพีเอฟประมาณ 15 ผู้ใหญ่วัยทำงานประมาณ 30-50 ก็เพียงพอ การทาครีมกันแดดไม่ใช่ทาหนึ่งครั้งต่อวัน หลักการทาครีมกันแดดที่ถูกต้องควรจะทาก่อนออกแดดครึ่งชั่วโมง โดยหลังจากทาไปแล้ว และยังต้องอยู่กลางแจ้งหลายๆ ชั่วโมง ก็ควรจะมีการทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2-4 ชั่วโมง นอกจากนี้ ในปัจจุบันมีการผลิตครีมกันแดดสำหรับเด็ก จึงแนะนำให้ผู้ปกครองควรที่จะเริ่มทาครีมกันแดดให้บุตรหลานของท่าน
การแต่งกายเป็นสิ่งที่สำคัญในการช่วยป้องกันแดด ควรใส่เสื้อแขนยาว หรือเสื้อที่มีสีเข้ม หรือสีดำ ใส่หมวกที่มีปีกกว้าง และแว่นตากันแดด การสวมใส่เสื้อผ้า หรือเครื่องแบบควรให้หลวมขึ้น เพื่อช่วยให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดโรคเชื้อรา และการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง และยังช่วยลดเหงื่อด้วย รวมทั้งควรอาบน้ำบ่อยขึ้นในช่วงหน้าร้อน ในเด็กเล็กๆ การอาบน้ำทาแป้ง และใส่เสื้อผ้าที่โปร่งบางจะช่วยให้ระบายเหงื่อได้ดีขึ้น
*******
กิจกรรมดีๆ ที่ศิริราช
# ในโอกาส 128 ปี ศิริราช เชิญชวนประชาชนสนใจร่วมกิจกรรมเพื่อสุขภาพ วันที่ 25-29 เม.ย. ณ โถง ๑๐๐ ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ และงาน “๑๒๘ ปี ศิริราช เทศน์มหาชาติเฉลิมพระเกียรติ วันที่ 26-29 เม.ย. 59 ณ หอประชุมราชแพทยาลัย สอบถามเพิ่มเติม โทร.0-2419-7646-8
# เชิญชวนร่วมงานชมรมโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียฯ ครั้งที่ 27 และวันธาลัสซีเมียโลก ครั้งที่ 15 วันที่ 1 พ.ค.59 เวลา 09.00-15.30 น. ณ ห้องประชุมราชปนัดดาสิรินธร
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่