โดย...นพ.ชยานุชิต ชยาศุ อายุรแพทย์โรคสมองและระบบประสาท โรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111
อาการปวดศีรษะถือว่าเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้ทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่ แต่ถ้าคุณเป็นคนนึงที่มีอาการปวดหัวบ่อย ๆ และเริ่มมีอาการคลื่นไส้อาเจียน อาจจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคไมเกรนได้
ไมเกรนต่างจากอาการปวดหัวทั่วไปอย่างไร
อาการปวดศีรษะทั่วไปจะมีลักษณะปวดศีรษะทั่ว ๆ ไป และเหมือนมีลักษณะเหมือนมีอะไรมาบีบ หรือว่ามากดมารัดบริเวณรอบ ๆ เบ้าตา ขมับ 2 ข้างไปจนถึงท้ายทอย ความปวด ความรุนแรงของอาการจะไม่เท่ากับไมเกรน ซึ่งบางครั้งไมเกรนจะปวดจนทำอะไรไม่ได้ ต้องนอนนิ่ง ๆ พักไป หรือบางรายก็จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนมากร่วมด้วย
ไมเกรนเกิดได้กับทุกวัยหรือไม่
ไมเกรนเกิดขึ้นได้กับทุกวัย แต่ส่วนใหญ่จะเจอในช่วงที่เข้าสู่วัยรุ่นแล้วเป็นส่วนใหญ่ รวมไปจนถึงสูงอายุก็ได้ ซึ่งปัจจุบันเชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับยีน พอเจอตัวที่มากระตุ้นที่ทำให้มีอาการก็จะทำให้มีอาการของโรคไมเกรนได้ ตัวกระตุ้นเช่น การนอนพักผ่อนน้อย ความเครียดทุกชนิด เช่น งานที่รีบเร่ง หรือต้องใช้สมาธิก็จะเป็นตัวกระตุ้นได้ แสงสว่างจ้า จ้องจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ หรือแสงข้างนอกจ้า ๆ อากาศร้อนจัด หรือเย็นจัด กลิ่นบางอย่าง เช่น ควันบุหรี่ ควันรถยนต์ กลิ่นน้ำหอมแรง ๆ ก็กระตุ้นได้ อาหารบางอย่าง เช่น ชา กาแฟ ชีส ช็อกโกแลต อาหารที่มีผงชูรส บางรายก็เป็นได้ ในผู้หญิงช่วงมีประจำเดือน
ไมเกรนอันตรายขนาดไหนถ้าไม่ได้รับการรักษา
โรคไมเกรนเป็นโรคที่สร้างความรำคาญมากกว่า โดยทั่วไปในระยะแรกของการเป็นโรคไมเกรนอาการปวดค่อนข้างไม่รุนแรงมาก ความถี่ในการเป็นก็จะไม่บ่อยมาก อาจจะนาน ๆ ครั้ง แต่ถ้าปล่อยไว้แล้วไม่ได้รักษาอย่างถูกต้อง การปวดมักจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงขั้นรับประทานยาทั่วไปแล้วก็ยังไม่สามารถหยุดอาการได้ ความถี่ในการเป็นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในบางรายเป็นทุกวัน ก็จะเริ่มมีปัญหากับการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะบางรายอยู่ในช่วงวัยเรียน ก็ไม่สามารถไปเรียนได้ วัยทำงานก็ไม่สามารถทำงานได้ แต่ไม่ได้ส่งผลร้ายต่อการเป็นโรคอื่น ๆ
วิธีการตรวจหาโรค
เริ่มแรกแพทย์จะซักประวัติคนไข้ก่อนว่ามีอาการปวดหัวเป็นอย่างไร ต่อด้วยจะตรวจร่างกายว่ามีข้อบกพร่องชี้ว่าเป็น ว่าจะต้องไปตรวจเพิ่มเติมมั้ย และต้องแยกให้ได้ว่าไม่ใช่ความผิดปกติที่เกิดจากสมอง เพราะถ้าเรามีความผิดปกติภายในสมอง มีเส้นเลือดในสมองตีบ มีเส้นเลือดในสมองแตก มีเนื้องอกในสมอง ก็มีลักษณะอาการคล้าย ๆ กับไมเกรนได้ ซึ่งเมื่อมีข้อสงสัยว่ามีข้อผิดปกติภายในสมอง การตรวจเพิ่มเติมก็มีความจำเป็น เช่น อาจจะต้องไปเอกซเรย์สมอง CT - Scan หรือ MRI เพื่อแยกโรค
มีวิธีการรักษาให้หายขาดได้อย่างไร
ไมเกรนไม่สามารถรักษาให้หายขาดแต่ควบคุมได้ ซึ่งการรักษาในปัจจุบันเป็นการรักษาที่ให้ยาเพื่อลดอาการปวด หยุดอาการปวด และให้ยาเพื่อป้องกัน เพื่อลดความถี่ในการเป็น และที่สำคัญคือ ต้องสังเกตว่าตัวกระตุ้นคืออะไร และพยายามหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นให้ได้มากที่สุดก็จะทำให้ไม่เกิดไมเกรนได้ แต่ ณ ปัจจุบัน ด้วยวิวัฒนาการที่ก้าวไกลมีการรักษาด้วยโบท็อกซ์ (Botox) ซึ่งแพทย์จะใช้ในกรณีที่คนไข้ที่มีอาการปวดบ่อย ๆ เมื่อไหร่ทีเรียกว่า บ่อยมากกว่า 15 ครั้ง หรือ 15 วันต่อเดือน ติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน จึงเรียกว่าเป็นบ่อย ถ้าเช่นนั้นแพทย์อาจใช้โบท็อกซ์ (Botox) คือ การฉีดโบทูลินัม ท็อกซิน ชนิด A ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว และเชื่อว่า จะช่วยยับยั้งปลายประสาทที่ส่งสัญญาณความเจ็บปวดไปยังสมองด้วย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มันเกิดอาการ สามารถช่วยลดความรุนแรงและความถี่ของอาการปวดศีรษะได้
ไมเกรนถือว่าเป็นการปวดหัวเรื้อรัง ที่รักษาหายขาดไม่ได้ แต่ต้องหลีกเลี่ยงพฤติกรรมต่าง ๆ ข้างต้น แต่ถ้าเริ่มมีอาการดังกล่าวก็รีบมาปรึกษาแพทย์ เพื่อรักษาอย่างทันท่วงที
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่