จักษุแพทย์เผยเคสดูซีรีส์เกาหลีมาราธอน 2 วันผ่านแท็บเล็ต จนเกิดต้อหินเฉียบพลัน เหตุรูม่านตาขยายจนบัง “มุมตา” ปิดกั้นการไหลของน้ำในตา ส่งผลความดันตาสูง ชี้ คนมุมตาแคบยิ่งเสี่ยง เตือนใช้แท็บเล็ต - สมาร์ทโฟน อย่างพอเหมาะ พักสายตาบ่อย ๆ
นพ.ไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข ประธานราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีนักศึกษาสาวชาวจีนนั่งดูซีรีส์เกาหลีข้ามวันข้ามคืนนาน 2 วัน ผ่านแท็บเล็ต จนมีอาการโรคต้อหินเฉียบพลัน ว่า การใช้แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน ๆ ส่วนใหญ่มักเกิดอาการตาล้า หรือตาแห้ง แต่เคสที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นข้อเตือนใจได้ว่า สามารถก่อให้เกิดอาการที่อันตรายกว่าได้อีก คือ อาการต้อหินเฉียบพลัน สาเหตุเกิดจากการที่ม่านตาขยายไปปิดมุมตา ทำให้น้ำในลูกตาไม่สามารถไหลออกผ่านมุมตาได้ จนมีความดันในลูกตาสูงขึ้นมาก และสูงอย่างรวดเร็ว จนเกิดอาการของต้อหินเฉียบพลันได้ โดยผู้ป่วยจะมีอาการปวดตามาก ตาแดง ซึ่งต้องรีบมาพบจักษุแพทย์
“โดยปกติแล้วรูม่านตาของคนเราจะหดเข้าออกตามแสง หากมีแสงมากรูม่านตาจะหดเล็กลง หากแสงน้อยก็จะขยายขึ้น การที่ใช้แท็บเล็ตนานเกินไป น่าจะทำให้รูม่านตาไปฟิกอยู่ในตำแหน่งหนึ่ง ในลักษณะกึ่งขยาย คือขยายได้ไม่เต็มที่ ภาวะเช่นนี้อาจทำให้ม่านตาไปปิดมุมตาได้ ซึ่งมุมตาจะอยู่ภายในดวงตา เกิดจากการทำมุมระหว่างม่านตากับปลายกระจกตา โดยแต่ละคนนั้นจะมีมุมตาไม่เท่ากัน บางคนมีมุมตากว้าง 45 องศา บางคนมุมตาแคบเพียง 10 องศาเท่านั้น ซึ่งคนที่มีมุมตาแคบจะมีโอกาสเสี่ยงมากกว่าที่เมื่อม่านตาขยายแล้วไปปิดมุมตา จนปิดกั้นการไหลออกของน้ำในตา จนเกิดความดันลูกตาสูง และมีภาวะต้อหินเฉียบพลันได้” นพ.ไพศาล กล่าว
นพ.ไพศาล กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากผู้ป่วยรายนี้มีมุมตาที่แคบอยู่แล้ว จึงทำให้เกิดอาการดังกล่าวขึ้น ทั้งนี้ การรักษานั้นอันดับแรกจะต้องลดความดันลูกตาลงก่อน โดยการหยอดตาหรือให้ยารับประทาน จนอยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อเส้นประสาทตา จากนั้นจะรักษาด้วยการทำเลเซอร์ที่เรียกว่า แอลพีไอ โดยจะเลเซอร์ที่ม่านตาให้เกิดรู ซึ่งเป็นรูเล็ก ๆ ไม่กระทบต่อการมองเห็นแต่อย่างใด เพื่อเป็นทางระบายน้ำที่คั่งในดวงตา ซึ่งเมื่อน้ำในตาไหลผ่านออกรูนี้ ก็จะทำให้ความดันลูกตาลดลงจนเป็นปกติ มุมตาที่ถูกปิดก็จะขยายกลับมาเช่นเดิม ยกเว้นในรายที่มุมตาปิดเรื้อรัง อย่างไรก็ตาม เราไม่ทราบว่ามุมตาของเราแคบหรือกว้าง หรือต่อให้มุมตากว้างก็ไม่ควรใช้สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตเป็นเวลานาน ๆ ใช้แล้วควรที่จะต้องพักสายตาบ่อย ๆ
นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ประจำ รพ.สอยดาว จ.จันทบุรี กล่าวถึงโรคทางสายตาจากการเสพติดเทคโนโลยี หรือ เทคโนโลยีซินโดรม ว่า การเสพติดคอมพิวเตอร์ โทรทัศน์มือถือ และแท็บเล็ต เป็นเหตุหนึ่งทำให้เกิดความเครียดและล้าของสายตาได้ อาการเตือนคือแสบตา ตาแห้ง น้ำตาไหล กะพริบตาบ่อย ปวดเมื่อยล้าที่กระบอกตา สายตาพร่า มองเห็นไม่ชัด บางคนมีอาการปวดศีรษะไมเกรนร่วมด้วย เนื่องจากต้องเพ่งภาพ หรือตัวอักษรขนาดเล็กและอยู่ในจอ ทำให้ม่านตาขยายใหญ่ขึ้นกว่าปกติ วิธีรักษาด้วยตนเองคือนอนหลับเป็นเวลา 7 ชั่วโมงอย่างต่ำ และดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในตา หรือทำประคบเย็น โดยให้ใช้ผ้าขนหนูพับ 3 ส่วน นำไปแช่น้ำจนเย็น บิดหมาด ๆ วางปิดตั้งแต่ขมับให้ทับพาดผ่านดวงตา เว้นสันจมูก ไปถึงขมับอีกข้าง ถ้าเย็นเกินไปให้เอาออก หากหายเย็นให้นำไปแช่น้ำเย็นใหม่อีกครั้ง ทำติดต่อกัน 20 นาที พัก 1 นาที วันละ 2 หน จะช่วยลดความเครียด เพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ส่วนเทคโนโลยีเหล่านี้ให้ใช้เท่าที่จำเป็นและปลอดภัย คือใช้ประมาณ 25 นาที พัก 5 นาที หรือใช้ 30 นาที พัก 10 นาที
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่