หมอเผยคนไทยป่วยโรคตามากขึ้น เตือนอย่าเชื่อโฆษณาอาหารเสริมรักษาได้ ชี้ไม่จริง ย้ ำรักษาอย่างถูกต้องดีกว่า พบความผิดปกติของดวงตาให้รีบพบจักษุแพทย์ พร้อมแนะวิธีดูแลดวงตาให้สดใสห่างไกลโรค
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงกรณีการโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอวดอ้างสรรพคุณรักษาโรคทางตา เช่น วุ้นในตาเสื่อม ต้อลม เป็นต้น ว่า เนื่องจากปัจจุบันเป็นยุคออนไลน์ โฆษณาจึงทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าและบริการได้อย่างรวดเร็ว อย่างโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อวดอ้างสรรพคุณรักษาโรคทางตา ก็ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันว่าสามารถรักษาให้หายได้ ซึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจัดเป็นอาหารประเภทหนึ่งตาม พ.ร.บ. อาหาร พ.ศ. 2522 หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้รับประทานโดยตรงนอกเหนือจากการรับประทานอาหารหลักตามปกติ เพื่อเสริมสารบางอย่างและมีจุดมุ่งหมายสำหรับบุคคลทั่วไปที่มีสุขภาพปกติ มิใช่สำหรับผู้ป่วยและที่สำคัญไม่มีผลต่อการรักษาให้หายขาดจากโรค ดังนั้น ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงและผู้ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา เช่น เห็นภาพไม่ชัด เห็นภาพมัว เห็นภาพบิดเบี้ยว เห็นภาพซ้อน หรือแคบลง เช่น มองเห็นเฉพาะภาพตรงหน้า ไม่สามารถเห็นภาพด้านข้างได้ เห็นคล้ายมีจุดหรือแผ่นดำ ๆ ลอยในตา ให้รีบพบจักษุแพทย์เพื่อได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาให้รับประทานอาหารเสริม เพื่อรักษาโรคตาเพราะอาจทำให้ตาบอดถาวรได้
“ปัญหาตาบอดและสายตาเลือนลางเป็นปัญหาที่สำคัญของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบว่า ประชากรมีปัญหาด้านการมองเห็นประมาณ 285 ล้านคน โดยมีผู้ที่ตาบอดถึง 39 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่พบในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา เนื่องจากมาตรฐานและบริการสาธารณสุขยังไม่ครอบคลุมและเข้าไม่ถึง สำหรับประเทศไทย โรคตาที่พบบ่อย คือ ภาวะสายตายาวในผู้สูงอายุ โรคต้อกระจก โรคต้อหินและโรควุ้นตาเสื่อม มีสาเหตุจากอายุที่เพิ่มขึ้นทำให้เนื้อเยื่อของลูกตาเสื่อมไปตามธรรมชาติ โรคตาแดง ตากุ้งยิง ริดสีดวงตา ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรีย โรคต้อกระจก ต้อเนื้อ ต้อลมจากการได้รับแสงแดดจัดเรื้อรัง เช่น ผู้ที่ทำงานกลางแจ้งได้รับแสงแดดจ้าเป็นระยะเวลานาน ๆ โรคเบาหวานขึ้นตา ที่เกิดจากความผิดปกติในการใช้พลังงานของร่างกาย โรคตาแห้ง เกิดการระคายเคืองอักเสบที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ เช่น การติดสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งการเพ่งหน้าจอเป็นเวลานาน ๆ ทำให้เกิดอนุมูลอิสระสะสมทำร้ายเซลล์ตา” อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว
นพ.สุพรรณ กล่าวว่า การดูแลรักษาดวงตาว่า ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผักผลไม้ที่มีวิตามินเอ เช่น ผักบุ้ง แครอท ตำลึง ผักคะน้า ฟักทอง มะม่วงสุก มะละกอ ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ หลับตาเพื่อพักสายตาทุก 1 ชั่วโมง เมื่อใช้สายตามาก ๆ หรือนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ สวมแว่นกันแดดทุกครั้ง เมื่อต้องเจอแสงแดด ลดพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตให้น้อยลง หากดูโทรทัศน์ควรนั่งห่างจากโทรทัศน์ประมาณ 5 เท่าของขนาดจอ และปรับความสว่างของจอให้พอควรเพื่อถนอมสายตา เมื่อมีฝุ่นละอองเข้าตาห้ามใช้มือขยี้ตา ให้ใช้น้ำสะอาด หรือน้ำยาล้างตาทำความสะอาด บริหารดวงตาอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ด้วยวิธี หน้าตั้ง คอตรง กรอกลูกตาหมุนเป็นวงกลม ตามเข็มนาฬิกาและทวนเข็มนาฬิกา ทำต่อเนื่องกัน 10 ครั้ง ที่สำคัญ ควรตรวจสุขภาพตาปีละครั้ง เพื่อรักษาสุขภาพดวงตาให้ดีอยู่เสมอ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่