สธ. ดึง รพ.เอกชน ร่วมควบคุมโรค พร้อมรับฟังความเห็นนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินฯ ก่อนเสนอที่ประชุม คกก.การแพทย์ฉุกเฉิน
วันนี้ (15 มี.ค.) นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังชี้แจง พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ฉบับใหม่ และหารือนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ดีทุกสิทธิ์ แก่ผู้แทนจากโรงพยาบาลเอกชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลกว่า 100 คน ว่า พ.ร.บ. ฉบับใหม่นี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับ รพ.เอกชน ใน 2 ส่วน คือ 1. การเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ โดยมีนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชนเป็นผู้แทน ส่วนระดับจังหวัดจะเลือกผู้แทน รพ.เอกชน ในจังหวัดนั้น ๆ ซึ่งแต่งตั้งโดยผู้ว่าราชการจังหวัด และ 2. การเฝ้าระวังโรคที่กำหนดให้ รพ.เอกชน ต้องแจ้ง สธ. เมื่อพบผู้ป่วยโรคที่กำหนดไว้ ภายในเวลาที่กำหนด โดยเฉพาะโรคติดต่อร้ายแรง รวมทั้งการตั้งหน่วยปฏิบัติการโรคติดต่อ อย่างน้อยเขตละ 1 หน่วยหรืออำเภอละ 1 หน่วย เพื่อเข้าไปดำเนินการสอบสวนควบคุมโรค ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ รพ.เอกชน จะเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย วางแผนปฏิบัติงานและมีส่วนร่วมในการควบคุมป้องกันโรค
นพ.โสภณ กล่าวว่า ส่วนนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินฯ นั้น มีการหารือและรับฟังความคิดเห็นจากโรงพยาบาลเอกชน ในประเด็นที่อาจจะยังมีความขัดข้อง เช่น นิยามผู้ป่วยวิกฤตสีแดง การไม่เรียกเก็บเงินผู้ป่วย การเบิกจ่าย ราคายา การส่งต่อ ทั้งนี้ เพื่อนำความคิดเห็นไปเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติในวันที่ 16 มี.ค.
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (15 มี.ค.) นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังชี้แจง พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ฉบับใหม่ และหารือนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ดีทุกสิทธิ์ แก่ผู้แทนจากโรงพยาบาลเอกชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลกว่า 100 คน ว่า พ.ร.บ. ฉบับใหม่นี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับ รพ.เอกชน ใน 2 ส่วน คือ 1. การเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ โดยมีนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชนเป็นผู้แทน ส่วนระดับจังหวัดจะเลือกผู้แทน รพ.เอกชน ในจังหวัดนั้น ๆ ซึ่งแต่งตั้งโดยผู้ว่าราชการจังหวัด และ 2. การเฝ้าระวังโรคที่กำหนดให้ รพ.เอกชน ต้องแจ้ง สธ. เมื่อพบผู้ป่วยโรคที่กำหนดไว้ ภายในเวลาที่กำหนด โดยเฉพาะโรคติดต่อร้ายแรง รวมทั้งการตั้งหน่วยปฏิบัติการโรคติดต่อ อย่างน้อยเขตละ 1 หน่วยหรืออำเภอละ 1 หน่วย เพื่อเข้าไปดำเนินการสอบสวนควบคุมโรค ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ รพ.เอกชน จะเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย วางแผนปฏิบัติงานและมีส่วนร่วมในการควบคุมป้องกันโรค
นพ.โสภณ กล่าวว่า ส่วนนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินฯ นั้น มีการหารือและรับฟังความคิดเห็นจากโรงพยาบาลเอกชน ในประเด็นที่อาจจะยังมีความขัดข้อง เช่น นิยามผู้ป่วยวิกฤตสีแดง การไม่เรียกเก็บเงินผู้ป่วย การเบิกจ่าย ราคายา การส่งต่อ ทั้งนี้ เพื่อนำความคิดเห็นไปเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติในวันที่ 16 มี.ค.
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
