xs
xsm
sm
md
lg

ปล่อยผู้ป่วยเมอร์สกลับประเทศ หลังรักษาหายดี ตรวจไม่พบเชื้อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผู้ป่วยเมอร์สรายที่สองหายดี ตรวจไม่พบเชื้อจาก 3 แล็บ ถึง 2 ครั้ง เดินทางออกจาก รพ. พร้อมลูกชายแล้ว สธ. ออกใบรับรองสามารถเดินทางกลับประเทศได้ เผยผู้ป่วยรายที่สองอาการรุนแรงกว่ารายแรก

วันนี้ (11 ก.พ.) นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวผลสำเร็จการรักษาผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ โรคเมอร์ส รายที่ 2 ของประเทศไทย ว่า ผู้ป่วยโรคเมอร์สรายที่ 2 ของไทยเป็นชายชาวโอมาน อายุ 71 ปี เดินทางเข้ามาประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2559 ส่งตัวจาก รพ. เอกชนแห่งหนึ่ง มายังสถาบันบำราศนราดูรวันที่ 23 ม.ค. 2559 ซึ่งได้ให้การดูแลรักษามาโดยตลอด จนขณะนี้ผู้ป่วยหายเป็นปกติดีแล้ว ผลตรวจจากห้องปฏิบัติ (แล็บ) การด้วยวิธีชีวโมเลกุลจากห้องแล็บ 3 แห่ง คือ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถาบันบำราศนราดูร ปรากฏไม่พบเชื้อโรคเมอร์สทั้ง 2 ครั้ง ตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก จึงประสานสถานทูตในการส่งตัวผู้ป่วยกลับประเทศ ขณะที่ลูกชายผู้ป่วยที่กักตัวไว้เฝ้าระวังอาการก็ตรวจไม่พบเชื้อเช่นเดียวกัน

“สำหรับผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ประกอบด้วย คนขับแท็กซี่ 2 คน ผู้โดยสารลำเดียวกัน 22 คน พนักงานโรงแรม 4 คน และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล 11 คน พบว่า มีอาการปกติ ผ่านพ้นช่วงการเฝ้าระวังและให้กลับบ้านได้ตั้งแต่วันที่ 5 - 6 ก.พ. ที่ผ่านมาแล้ว และจากการติดตามภายหลังปล่อยตัวก็ไม่พบการป่วยเพิ่มเติม ทั้งนี้ สธ. ยังคงเฝ้าระวังโรคเมอร์สอย่างต่อเนื่อง ทั้งด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ โรงพยาบาล และชุมชน” นพ.โสภณ กล่าว

นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า อาการของผู้ป่วยรายนี้ถือว่าหนักกว่าผู้ป่วยเมอร์สรายแรก เพราะตรวจพบปริมาณเชื้อเยอะกว่า รักษาตัวนานกว่า แต่ขณะนี้หายเป็นปกติดีแล้ว รวมถึงอาการเบาหวานด้วย สามารถเดินทางกลับประเทศได้ ซึ่งได้ดำเนินการตามกฎอนามัยระหว่างประเทศปี 2548 คือ ตรวจผู้ป่วยว่าไม่มีเชื้อแล้วและอยู่ในสภาพเดินทางไกลได้ และออกใบรับรองให้ตามกฎการบินระหว่างประเทศว่าผู้ป่วยมีความปลอดภัยเพียงพอในการเดินทาง ทั้งนี้ ได้จำหน่ายผู้ป่วยออกจากสถาบันบำราศฯ แล้วตั้งแต่เวลา 15.00 น. ของวันที่ 11 ก.พ. 2559

พญ.จริยา แสงสัจจา ผอ.สถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า สถาบันฯ ได้จำหน่ายผู้ป่วยพร้อมลูกชายที่เฝ้าระวังในห้องแยกโรคความดันลบออกจากโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งจะเดินทางกลับพร้อมกับลูกชายที่อีก 2 คนที่เดินทางมาเยี่ยม ซึ่งผู้ป่วยสามารถเดินออกจากโรงพยาบาลได้เอง ส่วนห้องที่ใช้รักษาผู้ป่วยรายนี้ได้มีการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อตามมาตรฐาน ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายที่ 2 ถือว่าได้รับเชื้อและมีอาการรุนแรงกว่าผู้ป่วยรายแรก เชื้ออยู่ในร่างกายนานกว่า เพราะกว่าจะตรวจเชื้อผู้ป่วยว่าไม่มีออกมาตรงกัน 3 แล็บ ถึง 2 ครั้ง ก็เพิ่งตรงกันเมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา แต่ที่ดูเหมือนอาการดีกว่าสามารถเดินได้นั้น อาจเป็นเพราะผู้ป่วยอายุน้อยกว่าและมีการดูแลร่างกายที่ดีพอ ส่วนผู้ป่วยเมอร์สรายแรกนั้นมีอายุ 74 ปี อายุมากกว่า และมีโรคประจำตัว คือ โรคหัวใจ ทำให้ดูเหมือนอาการหนักกว่า สำหรับค่าใช้จ่ายผู้ป่วยรายที่สองอยู่ราวประมาณ 420,000 บาท ซึ่งได้รับการประสานจากสถานทูตในเรื่องของค่าใช้จ่าย ซึ่งสูงกว่าผู้ป่วยรายแรกที่ไม่ถึง 3 แสนบาท

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น