สธ. สั่งตรวจหาต้นตอโรงงานผลิตขนมจีนใส่สารกันบูดเกินมาตรฐาน ชี้ ผลิตอาหารไม่ปลอดภัย มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท พร้อมเข้มตรวจสอบสถานที่ผลิตและจำหน่ายขนมจีน ห่วงรับสารกันบูดมากอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และโฆษก สธ. กล่าวถึงการสุ่มตรวจสารกันบูดในขนมจีนของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ที่พบทุกยี่ห้อมีการใช้วัตถุกันเสีย โดยมี 2 ยี่ห้อที่มีปริมาณเกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ตามที่กฎหมายกำหนด ว่า ได้มอบหมายให้สำนักส่งเสริมและสนับสนุนอาหารปลอดภัย (สสอป.) ร่วมกับสำนักอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบสถานที่จำหน่ายขนมจีน ที่พบการใช้วัตถุกันเสียเกินมาตรฐาน เพื่อเก็บตัวอย่างของขนมจีนส่งตรวจวิเคราะห์ และสืบสวนหาแหล่งผลิตเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไปแล้ว พร้อมกันนี้ ได้แจ้งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ ให้เฝ้าระวังสถานที่ผลิตและจำหน่ายขนมจีน เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภคอีกด้วย
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ขนมจีนจัดเป็นอาหารในภาชนะบรรจุ ซึ่งต้องแสดงฉลากตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 367 พ.ศ. 2557 เรื่อง การแสดงฉลากของอาหารในภาชนะบรรจุ โดยตามประกาศฯดังกล่าวผู้ผลิตต้องระบุชื่ออาหาร เลขสารบบอาหาร ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต ปริมาณสุทธิ ส่วนประกอบที่สําคัญ วันเดือนปีที่ควรบริโภคก่อน และหากมีการใช้วัตถุเจือปนอาหาร โดยเฉพาะวัตถุกันเสียจะต้องแจ้งไว้บนฉลากอย่างชัดเจน หากไม่ติดฉลากหรือฉลากไม่ครบถ้วน มีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท และการใช้วัตถุเจือปนอาหารเกินปริมาณที่กำหนดจะจัดเป็นอาหารไม่ได้มาตรฐาน มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท สำหรับกรดเบนโซอิก เป็นวัตถุกันเสียที่มีประวัติการใช้มานาน มีการนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์อาหาร เพื่อยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ เช่น เครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ ทั้งชนิดที่อัดคาร์บอนไดออกไซด์และไม่อัดคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำหวานชนิดต่าง ๆ น้ำผลไม้ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ (alcoholic beverage) แยม เยลลี่ ผัก ผลไม้ดอง (pickle) น้ำสลัด ฟรุตสลัด และ มาการีน เป็นต้น
“กรดเบนโซอิกสามารถระเหยกลายเป็นไอได้เมื่อถูกความร้อน หากสัมผัสตา หรือสูดดมไอ ทำให้เกิดการระคายเคือง มีอาการแสบตา เยื่อบุทางเดินหายใจระคายเคือง ส่วนการรับประทานกรดเบนโซอิก ร่างกายกำจัดกรดเบนโซอิกออกทางปัสสาวะ ไม่มีการสะสมในร่างกาย แต่หากรับประทานในปริมาณมากจะทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ประสิทธิภาพการทำงานของตับ และไตลดลง หรืออาจพิการได้ ซึ่งในแต่ละวันร่างกายไม่ควรได้รับปริมาณสารกันบูด หรือวัตถุกันเสียเกินกว่า 5 มก./น้ำหนักตัว 1 กก. นั่นคือ หากมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 45 กก. ไม่ควรได้รับสารกันบูดเกิน 225 มก. ต่อวัน (ซึ่งหมายถึงเป็นปริมาณรวมของวัตถุกันเสียจากอาหารทุกชนิดที่รับประทานต่อวัน) และจากการทดลองพบว่าหากได้รับปริมาณกรดเบนโซอิคสูงถึง 500 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม อาจทำให้เสียชีวิตได้” โฆษก สธ. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่